แห่แชร์สนั่นเกือบ 3 หมื่นครั้ง ครูเบียร์ นุติญา โพสต์เล่านิทาน หนูนากับโรเบิร์ต
แห่แชร์เกือบ 2 หมื่นครั้ง! ครูเบียร์ เล่านิทาน “หนูนากับโรเบิร์ต” สุดพีก-ช็อกทุกเหตุการณ์ คนแห่คอมเมนต์สนั่น
กลายเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ เมื่อ ครูเบียร์ นุติญา ออกมาโพสต์เล่านิทานสะท้อนเรื่องราวสุดดราม่า “หนูนากับโรเบิร์ต” ซึ่งเนื้อหาเต็มไปด้วยความพีกและชวนช็อกในแต่ละเหตุการณ์ สร้างความสะเทือนใจให้กับผู้ที่ได้อ่าน จนทำให้มีคนแชร์ไปแล้วเกือบ 20,000 ครั้ง และคอมเมนต์กันสนั่นกว่า 5,000 ความเห็น
หลังจากที่เธอเงียบมาตลอด ครูเบียร์ได้ตัดสินใจออกมาเล่าเรื่องผ่านสตอรี่แบบนิทาน พร้อมกับระบุว่า “วันนี้ขอออกมาปกป้องตัวเอง” โดยเธอเล่าว่า
“กาลครั้งนึง…นานมาแล้ว มีเด็กหญิงคนนึง ชื่อ หนูนา หนูนาเติบโต อยู่ต่างจังหวัด ชีวิตในวัยเด็กเทออาศัยอยู่กับแม่เพียงลำพัง ในบ้านหลังเล็กๆ ในชนบทที่ห่างไกลความเจริญ แม้ว่าเทอจะเลือกเกิดไม่ได้ แต่เทอก็มีความฝันว่าสักวันหนึ่ง “จะสร้างบ้านหลังใหญ่ให้แม่ได้อยู่อาศัยอย่างมีความสุข” ด้วยความฝันและความทะเยอทะยาน ความมุมานะ และอดทน ทำให้เทอฝ่าฟันความลำบากต่อสู้ดิ้นรน ทำทุกวิถีทางด้วยสัมมาอาชีวะ เพื่อหาเงินมาจุนเจือเลี้ยงดูแม่…จากความฝันในวัยเด็กจนทำให้เทอประสบความสำเร็จในสิ่งที่เทอหวัง เทอจึงเป็นที่ยอมรับและมีคนรู้จักมากขึ้นในหมู่บ้าน
อยู่มาวันนึงหนูนาได้มาเจอชายหนุ่มรุ่นพี่ที่ชื่อ โรเบิร์ด เขาดูเป็นคนที่อบอุ่น เป็นผู้ใหญ่ อ่อนน้อม และหลังจากนั้นโรเบิร์ดก็เริ่มเข้ามาส่งจดหมายรักถึงเทอหลายๆฉบับ…จนทำให้เทอตกหลุมรักเขาจนสุดหัวใจ♥️
หนูนารู้สึกโชคดีมากที่มีโรเบิร์ดในชีวิต ทั้งคู่ช่วยกันทำมาหากิน สร้างชีวิต และเป็นที่รู้จักในหมู่บ้านมากยิ่งขึ้น ทั้งสองใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ได้เที่ยวด้วยกัน ทำกิจกรรมต่างๆร่วมกัน และคบกันอย่างมีความสุข🥰
แต่อยู่มาวันนึง…ฝันหนูนาก็แตกสลาย เมื่อจับได้ว่าโรเบิร์ด มีการนอกใจ แอบไปมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับหญิงสาวคนอื่น โดยที่หนูนาไม่เคยรู้จักมาก่อน พร้อมทั้งซื้อทองเป็นของขวัญให้คนนั้น หนูนาเสียใจมาก ได้แต่พูดระบายให้พี่สาวของโรเบิร์ดฟัง แต่พี่สาวกลับตอบมาว่า “เทอมาทีหลัง เทอไม่ควรเสียใจนะ” หนูนาทำหน้างุนงงกับคำพูด แต่ก็เพราะรักโรเบิร์ด ก็เลยเลือกที่จะเงียบ และทนความเจ็บปวด ยอมก้มหน้าก้มตาทำงานไปเรื่อยๆเพราะคิดว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์อะไรที่จะไปเรียกร้องหรือโวยวาย…
แต่ความจริงแล้ว…ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนคุยเก่าโรเบิร์ดนั่นเอง🥺
มีครั้งหนึ่งที่หนูนาได้กลับบ้านที่ต่างจังหวัด โรเบิร์ดก็ได้กลับบ้านเกิดตัวเองเช่นกัน ตัวโรเบิร์ดก็กลับไปหาคนเก่าที่โรเบิร์ดเองได้กกไว้ที่บ้านเกิด หนูนาจับได้อีกครั้ง โรเบิร์ดรู้สึกผิด จึงตามง้อ และหนูนาก็ให้อภัยอีกครั้งด้วยความรัก
หนูนากลับมาเชื่อใจอีกครั้ง…เพราะความรักที่มีให้…แต่แล้วโรเบิร์ดเอง❗️ก็ได้ไปมีความสัมพันธ์กับแฟนของเพื่อนรักตัวเอง ซึ่งมีการบันทึกคลิปวิดีโอไว้ หนูนาเองก็เห็นคลิป จึงเสียใจมาก เลยหนีออกจากบ้านไป โรเบิร์ดเองก็ตามง้อจนถึงที่สุด โรเบิร์ดยอมรับสารภาพและกล่าวว่า“มันพลาดและขอโทษจากใจจริง ให้อภัยกันได้ไหม? ” หนูนาตัดสินใจให้อภัยเพราะรักและคิดว่าโรเบิร์ดจะปรับปรุงตัวได้ ท่องไวัเสมอว่านี้คือคนที่ฉันเลือกแล้ว ต้องจับมือกันสู้ต่อสิ… หลังจากนั้นหนูนาตัดสินใจเดินหน้าต่อกับโรเบิร์ดและเชื่อใจเขาอีกครั้ง
แต่อีกไม่นาน…ปัญหาใหม่ก็เกิดขึ้น เมื่อโรเบิร์ดติดการพนั…ครั้งใหญ่ ทำให้หนูนาต้องเอาเงินเก็บมาช่วยเคลียร์ให้ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็นจำนวนเงินที่มากพอสมควร ไพร่ มวย บอล บางทีคืนเดียวหลายบาทมาก… แต่หนูนาก็พยายามเข้าใจในความสุขของแฟนตัวเอง แล้วเลือกเดินต่อ โรเบิร์ดเองก็รู้สึกผิด เลยชวนกันทำงาน ช่วยกันหาเงิน เพราะชีวิตคู่มันคือการผ่านทุกอย่างไปด้วยกัน…มองข้ามปัญหาและอุปสรรคไป…ทั้งคู่คบกันอย่างมีความสุขมาเรื่อยๆ
จนมาวันนึง…ฝันหนูนาก็แตกสลายอีกครั้ง เมื่อทราบว่า โรเบิร์ดได้พา ญ สาวเข้าโรงแรม และมีผู้คนพบเห็น จึงรีบแจ้งให้หนูนาทราบ หนูนากลับมาเสียใจอีกครั้ง โรเบิร์ดเองก็รีบตามง้อ…และได้ให้คำปฏิญาณต่อหน้ากันและกันว่าจะไม่ให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกแล้ว…จึงเลือกที่จะให้อภัยโรเบิร์ดอีกครั้ง ซึ่งหนูนาก็รู้ว่ามันดูโง่มากๆ แต่เพราะความรักนั้น ทำให้หนูนาผ่านตรงนั้นมาได้ จึงเลือกให้อภัยและไม่พูดถึงอดีตอีก…
แต่กระนั้นแล้วความระแวงมันก็เริ่มเกิดขึ้นมาในใจของหนูนา หนูนาเริ่มคิดและไตร่ตรองกับตัวเอง เพราะโรเบิร์ดทำแบบนี้ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่าถึง 6-7 คน
และครั้งสุดท้ายก่อนจากลา❗️นั่นคือ แฟนของพี่ชายคนสนิทของโรเบิร์ดเอง โรเบิร์ดทำการจับ ล้วง บลาๆ แต่ยังไม่ถึงขั้นมีสัมพันธ์ลึกซึ้ง แล้วสั่งห้ามไม่ให้ฝ่ายหญิงบอกใคร แต่ฝ่ายหญิงได้เป็นคนมาเล่าให้หนูนาฟังและสารภาพเองด้วยน้ำตา ด้วยความอึดอัดใจ เพราะเห็นใจและสงสารหนูนา…
หนูนาช็อคและเจ็บปวดจนขีดสุด❗️ ครั้งนี้ทำให้ความอดทนของหนูนาสิ้นสุดลง…หนูนาหนีออกจากบ้านตัวเอง ไปอยู่บ้านเพื่อน หนูนารู้สึกเสียใจมากๆ จนสัญญากับตัวเองว่า “นี่จะเป็นการให้อภัยครั้งสุดท้าย พอกันแค่นี้!…“
“หนูนาจึงตัดสินใจเลิกกับโรเบิร์ด“
เวลาล่วงเลยไปเกือบ 3 เดือนกับความทนทุกข์ทรมาน หนูนาเลยตัดสินใจอยากจะจบเรื่องราวทั้งหมดที่ยังติดค้างและยังคาราคาซังกันอยู่ จึงได้นัดโรเบิร์ดเพื่อเคลียร์ทรัพสินธ์ทั้งหมดที่หามาด้วยกัน โดยทั้ง2ฝ่ายตกลงที่จะแบ่งทรัพสินธ์กันคนละครึ่ง และต่างฝ่ายต่างแยกย้ายกันไปเติบโต…จึงได้ทำหนังสือสัญญาแบ่งกันอย่างครบถ้วนสมบูรณ์เรียบร้อย…❗️
ภายหลังจากมีการตกลงกันแล้ว…โรเบิร์ดกลับไปพูดกับเพื่อนบ้านหลายคนว่า หนูนาเป็นคนได้ทรัพย์สินทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว เพื่อเรียกคะแนนความสงสารและทำให้หนูนากลายเป็นคนผิดว่านอกใจโรเบิร์ด ทั้งที่หนูนาไม่เคยนอกใจโรเบิร์ดเลยสักครั้งเดียว… และหนูนายังโดนมองว่าเป็นผู้หญิง ปอกลอกโรเบิร์ดแล้วเลิกไป ทำให้คนในหมู่บ้านมองหนูนาในสายตาที่ไม่เป็นมิตร…
หนูนาเกิดความเจ็บปวดและจุกอยู่ในอก…แต่หนูนาก็ได้แค่ทนโดนโจมตีไปเรื่อยๆ ไม่อยากพูดอะไรมาก เพราะอย่างน้อยก็เคยมีความสุขด้วยกัน…♥️
แล้วหนูนาได้แต่คิดกับตัวเองว่า ดีนะ…ที่ได้ตัดสินใจถอยออกมาจากโรเบิร์ด “วันนี้คือวันที่หนูนาเคารพตัวเองที่สุด…”
ไม่ว่าโรเบิร์ดจะพูดอะไรออกไป…ทำให้คนในหมู่บ้านเข้าใจหนูนาผิดไป หนูนาก็ได้แต่ภาวนาว่า “สักวันนึง…สวรรค์ที่มีดวงตา ย่อมเข้าใจสิ่งที่หนูนาได้พบเจอและถูกกระทำมาโดยตลอด“
หนูนาปฏิญาณตนกับตัวเองไว้ว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ไป หนูนาจะรักตัวเองมากๆ และโฟกัสแต่ความสุขของตัวเอง♥️
อวสาน…
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า “ รักตัวเองไม่เคยเจ็บสักวัน และความจริงไม่เคยทำร้ายใคร ” เอวัง ก็มีด้วยประการฉะนี้🙏🙏🙏
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
“ตูน พิมพ์ปวีณ์” นับถอยหลังวิวาห์หวาน! เปิดภาพพรีเวดดิ้งสุดโรแมนติก
by TVPOOL ONLINE
“อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์” ตอกย้ำ กลยุทธ์ ‘Turnkey Asset Development’ ปรับตัวเข้าสถานการณ์ แจกประกันโควิด-19 พนักงานและผู้เข้าชมโครงการ

นายชยพล หรรรุ่งโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ภายใต้แบรนด์ ‘ALTITUDE’ เปิดเผยว่า ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้แม้จะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่ชะลอตัว และจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่กระทบกับทั้งประเทศไทยและทั่วโลก บริษัทฯ ได้ตระหนักและคำนึงถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยมีการปรับตัวในการดำเนินธุรกิจมาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ส่งผลให้ อัลติจูด ประสบความสำเร็จด้วยดีจากการวางตำแหน่งในฐานะผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์รอบด้านในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ดังนั้นในปี 2563 จึงยังเน้นย้ำกลยุทธ์การเติบโตด้วยธุรกิจร่วมทุนและรับจัดการและพัฒนาสินทรัพย์ (Turnkey Asset Development) เป็นการขับเคลื่อนธุรกิจด้วยโครงการร่วมทุนและร่วมค้า เพื่อเป็นการแก้เกมเศรษฐกิจช่วงขาลง โดยร่วมมือกับผู้มีที่ดินเปล่า หรืออาคาร ที่ปัจจุบันไม่ก่อเกิดรายได้ หรือทำรายได้น้อยไม่คุ้มกับมูลค่าปัจจุบัน และยังไม่ต้องการลงทุนเพิ่ม หรือสร้างภาระหนี้ผูกพันใดๆ หรือรวมไปถึงผู้ที่มีเงินทุนสะสมจากการดำเนินธุรกิจ และมองหาโอกาสทางธุรกิจอื่นที่ให้ผลตอบแทนได้ไม่น้อยกว่าธุรกิจปัจจุบัน เพื่อขยายฐานธุรกิจ หรือบริหารทุนสะสมที่มีอยู่จำนวนมาก ในการร่วมพัฒนาโครงการ โดยบริษัทฯ ได้ใช้โมเดลนี้มาตั้งแต่ปลายปี 2561 ปัจจุบันบริษัทฯ มีโครงการที่ร่วมลงทุนแล้ว 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 4,600 ล้านบาท และกิจการร่วมค้า 2 โครงการ มูลค่ารวม 800 ล้านบาท กับกลุ่มครีท กรุ๊ป (Creed Group) จากญี่ปุ่น, บริษัทในเครือบิวตี้ เจมส์ (Beauty Gem) และทีคิวเอ็ม(TQM) และบริษัทในเครือออโรร่า เป็นต้น
ส่วนธุรกิจรับบริหารจัดการพัฒนาโครงการปีนี้ บริษัทฯ ได้เริ่มเจรจาหาคู่ค้าที่ต้องการจะให้บริษัทเป็นผู้พัฒนาโครงการแบบครบวงจร ในโครงการของคู่ค้า ทั้งในรูปแบบมิกซ์ยูสที่ต่อยอดโครงการพักอาศัยติดโครงการเชิงพาณิชย์ในรูปแบบต่างๆ หรือนายหน้าที่มีกลุ่มลูกค้าต่างชาติพร้อมซื้อ หรือต้องการว่าจ้างให้ บริษัทฯ พัฒนาโครงการให้ ซึ่งโมเดลบริหารจัดการพัฒนาโครงการของบริษัทฯ มีที่ดินแล้วเสร็จ 2 โครงการ และอยู่ระหว่างดำเนินการ 1 โครงการ
ด้านทิศทางการพัฒนาโครงการใหม่ปีนี้ มุ่งพัฒนาสินค้าแนวราบเพื่อรองรับความต้องการของกลุ่ม ผู้อยู่อาศัยจริง (Real Demand) โดยจะเปิดตัวทาวน์โฮม ระดับราคา 2.59-3.99 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ลูกของ อัลติจูด ในย่านบางนา ซึ่งเป็นเซกเมนต์ใหม่ หลังประสบความสำเร็จอย่างดียิ่งจากการขายคอนโดระดับราคา 2.5-4.5 ล้านบาท กับโครงการยูนิคอร์น ภายใต้คอนเซปต์ ‘Personalized Development’ นอกจากนั้น ยังมีบ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรี่ ย่านอุดมสุข โดยมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ไตรมาส 3-4 รวมมูลค่า 1,855 ล้านบาท ส่งผลให้อัลติจูด มีสินค้าครอบคลุมตลาดในทุกเซกเมนต์ โดยได้ปัจจัยหนุนจากสถานะการเงินของบริษัทจะมียอดรับรู้รายได้จากเงินโอนโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมโอนในปีนี้กว่า 1,000 ล้านบาท

สำหรับเป้าหมายยอดขายปี 2563 ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 2,000 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา นับเป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดดจากปี 2561 ซึ่งเป็นผลมาจากการดำเนินตามกลยุทธ์ธุรกิจและกลยุทธ์การตลาดที่บริษัทฯ วางไว้ได้อย่างถูกต้อง และจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 บริษัทฯ ได้ตระหนักและให้ความสำคัญด้านความปลอดภัยกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วน จึงได้ซื้อประกันภัยโควิด-19 มอบให้กับพนักงาน และผู้เข้าเยี่ยมชมโครงการของอัลติจูด ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยผู้ต้องการเข้าชมโครงการต้องลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ของบริษัท www.altitude.co.th
“ปีนี้ถือเป็นโอกาสของลูกค้าที่มีความต้องการแท้จริงในการซื้อที่อยู่อาศัย ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ลดต่ำลง บวกกับทางบริษัทฯ ได้จัดโปรโมชั่นต่างๆ ผ่านช่องทางการตลาดออนไลน์ที่ออกมากระตุ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ลูกค้าที่ได้ซื้อสินค้าที่คุ้มค่ายิ่งกว่า แม้จะมีความไม่แน่นอนจากภาวะเศรษฐกิจ แต่ผู้บริโภคส่วนหนึ่งที่เป็นพนักงานประจำที่มีเงินเดือนมั่นคงยังไม่ได้รับผลกระทบมาก และกลุ่มคนที่ประสบความสำเร็จจากการประกอบธุรกิจยุคใหม่ กลุ่มครอบครัว High-Network ครอบครัวกงสีที่มีสินทรัพย์สะสม ที่มีความต้องการ ซื้อจริง เช่น จำเป็นต้องซื้อที่อยู่ที่ใกล้สถาบันการศึกษาของบุตรหลาน ใกล้ที่ทำงาน การขยายครอบครัว และผู้ซื้อบ้านหลังแรก ทำให้ยอดขายในปี 2562 ประมาณ 2,100 ล้านบาท และใน 2 เดือนแรกของปีนี้ 200 ล้านบาท ได้มาจากลูกค้ากลุ่มนี้มากกว่า 85% จากยอดขายทั้งหมด” นายชยพลกล่าว
นายขวัญชัย ยิ่งเจริญถาวรชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า กลยุทธ์ธุรกิจร่วมทุนและรับจัดการและพัฒนาสินทรัพย์ทุกรูปแบบที่สร้างความสำเร็จให้บริษัท มีองค์ประกอบของความสำเร็จอยู่ 3 ด้าน อันได้แก่ 1) ที่ดิน 2) เงินทุน และ 3) ทีมงาน ซึ่งต้องยอมรับว่าประสบการณ์ทำงานของบริษัทฯ ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีโอกาสในการทำธุรกิจ ทั้งแบบพันธมิตรร่วมทุน ร่วมค้า ความเชี่ยวชาญของทีมงานตอบโจทย์พันธมิตรธุรกิจได้ทั้ง 3 กลุ่มเป้าหมาย อันได้แก่ 1) เจ้าของที่ดิน (Landlord) 2) กลุ่มทุน (Hi-Network) กลุ่มผู้มีกระแสเงินสดเหลือที่ต้องการบริหารพอร์ตลงทุน หรือกลุ่มทุนที่คาดหวังผลตอบแทนส่วนทุนมากกว่า 15% ต่อปี ซึ่งมีน้อยธุรกิจที่สามารถทำได้ 3) ตัวแทนนายหน้า (Connector) ที่สามารถรวมผู้ซื้อมาเป็นกลุ่มได้ หรือตัวแทนนายหน้าจากต่างประเทศที่มาร่วมลงทุนพร้อมกับซื้อห้องในโครงการส่วนหนึ่งขึ้นมาด้วย
“ในกลุ่มของเจ้าของที่ดินส่วนใหญ่อยากทำโครงการ อยากพัฒนาโครงการบนที่ดินที่ตนเองเป็นเจ้าของที่อยู่แล้ว เมื่อเรานำเอาความเชี่ยวชาญ และทีมงานเข้าไปร่วมทำธุรกิจ การดำเนินโครงการจึงเกิดขึ้นไม่ยากในกลุ่มของเจ้าของที่ดิน เช่นเดียวกันกับเจ้าของทุน ซึ่งคือคนในกลุ่มไฮเนทเวิร์คที่มีเงินลงทุน และต้องการลงทุนในธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนมากว่าการพักเงินลงทุนในสินทรัพย์อื่น ส่วนกลุ่มสุดท้ายคือกลุ่มที่เห็นโอกาสธุรกิจอยู่แล้ว เช่น นายหน้าที่เห็นโอกาสการลงทุน ทั้งที่หาที่ดินมาขายให้ หรือมาร่วมทุนในลักษณะพันธมิตร เมื่อมาประกอบกับองค์ความรู้ที่อัลติจูดมีจะเห็นได้ว่าเราประสบความสำเร็จกับหลายโครงการเป็นอย่างดี ซึ่งประสบการณ์ทำงานมากับทั้ง 3 กลุ่ม นี้จะเป็นโมเดลธุรกิจที่สร้างโอกาสต่อยอดธุรกิจที่แข็งแกร่งให้กับอัลติจูดต่อไป” นายขวัญชัยกล่าว