เลขฝาโลง ยายชา ขนลุก ตรงอายุสุดท้าย ก่อนจากไปด้วยโรคมะเร็งปอด
นับเป็นข่าวเศร้าในวงการตลกกับการสูญเสีย“ยายชา เถิดเทิง” หรือ “บุญฤทธิ์ คุ้มเงินแสน” อดีตตลกดังชื่อ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 25 ม.ค.68 หลังรักษาอาการป่วยมะเร็งปอดมานาน ท่ามกลางความโศกเศร้าของครอบครัว รวมถึงแฟนคลับ และพี่น้องในวงการตลกด้วย
ทั้งนี้ญาติและครอบครัวจัดพิธีศพ“ยายชา เถิดเทิง”ขึ้นที่ วัดรางหมัน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม มีแฟนคลับและศิลปินมาร่วมเป็นจำนวนมาก
ซึ่งช่วงใกล้หวยออก 1 ก.พ.68 แฟนหวยก็ให้ความสนใจ เลขยายชา เกิดปีพ.ศ. 2496 เสียชีวิต 25 ม.ค.68 โดยเริ่มเล่นตลกเมื่อปี 2519 ค่าตัวสมัยเป็นตลกแรกๆ 150 โดยพบว่าหลายคนอยากรู้ เลขฝาโลง ซึ่งคือเลข 027 ทั้งนี้พบว่าเลขดังกล่าวไปตรงกับเลขอายุยายชา 72 ด้วยเช่นกัน
คุณน่าจะชอบ
อัปเดตมาตรการรัฐ ซื้อบ้าน 2568 มาตรการไหนเหมาะสำหรับคุณ
อัปเดตล่าสุด 15 มกราคม 2568 • ใช้เวลาอ่าน 6 นาทีซื้อบ้านหลังแรก
มาตรการรัฐ ซื้อบ้าน 2568 ถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งในการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงช่วยให้ประชาชนเข้าถึงการมีที่อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นซื้อหรือเช่าได้มากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจยังคงชะลอตัวเช่นนี้ ลองมาอัปเดตมาตรการรัฐที่เอื้อต่อการซื้อ-เช่าได้ที่นี่
อ่านหัวข้อที่คุณสนใจ
- บ้านเพื่อคนไทย ผ่อนเดือนละ 4,000 บาท
- สินเชื่อบ้าน ธอส. ปี 2568 ดอกเบี้ยต่ำ เริ่มต้น 2.7% ต่อปี
- สินเชื่อบ้าน Happy Home ธอส. ดอกเบี้ยคงที่ 3% ต่อปี นาน 5 ปี
- การเคหะแห่งชาติจัดโปรบ้านคุ้มค่า ราคาโดนใจ รับปีใหม่ 2568
- ลดหย่อนภาษีฯ สำหรับผู้ปลูกสร้างบ้านเอง
- บ้านล้านหลัง เฟส 3 วงเงินให้กู้ 1.5 ล้าน
- ผ่อนคลายมาตรการ LTV กู้ซื้อบ้านได้ 100%
- ปรับเกณฑ์มาตรการ LTV เอื้อคนซื้อบ้านกรณีกู้ร่วม
บ้านเพื่อคนไทย ผ่อนเดือนละ 4,000 บาท
โครงการบ้านเพื่อคนไทยเน้นการพัฒนาที่อยู่อาศัยราคาประหยัด หรือ Affordable Housing ในพื้นที่ศักยภาพที่ใกล้ระบบขนส่งมวลชน โดยมีทั้งคอนโดและบ้านเดี่ยว ไม่ต้องดาวน์ ผ่อนชำระเริ่มต้นที่ 4,000 บาท อยู่ได้ 99 ปี
ลักษณะโครงการ
– คอนโด พื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 30 ตารางเมตร สำหรับ 1 ห้องนอน ไปจนถึง 51 ตารางเมตร สำหรับ 2 ห้องนอน พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น ระบบ Smart Residence และ Smart Function
– บ้านเดี่ยว บ้านชั้นเดียว เนื้อที่ 50 ตารางวา พร้อมที่จอดรถ 2 คัน
ผู้เข้าร่วมโครงการสามารถเช่าซื้อได้ในะยะเวลา 99 ปี โดยมีอัตราผ่อนเริ่มต้นประมาณ 4,000 บาท/เดือน ระยะเวลาผ่อนชำระ 30-50 ปี ทั้งนี้ยังมีการสนับสนุนสินเชื่อจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ด้วยอัตราดอกเบี้ยคงที่ 2.5%
พื้นที่และการพัฒนาโครงการ
พื้นที่นำร่องของโครงการเริ่มในกรุงเทพฯ และบริเวณใกล้ระบบขนส่งสาธารณะ ได้แก่
1. ที่ดินย่านบางซื่อ ย่านกิโลเมตรที่ 11 เนื้อที่ 15 ไร่ ซอยวิภาวดี 11 หลังสำนักงานใหญ่ ปตท. ใกล้สถานีกรุงเทพอภิวัฒน์ ใกล้เซ็นทรัล ลาดพร้าว และรถไฟฟ้าสายสีเขียว
2. ที่ดินย่านสถานีธนบุรี บริเวณตลาดศาลาน้ำร้อน เนื้อที่ 23 ไร่ ห่างจากรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-บางขุนนนท์ (อยู่ระหว่างการก่อสร้าง) ประมาณ 800 เมตร ห่างจากโรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ ประมาณ 1.5 กิโลเมตร
3. ที่ดินบริเวณสถานีรถไฟเชียงราก เนื้อที่ 18 ไร่ ใกล้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต และมหาวิทยาลัยกรุงเทพ
4. ที่ดินรอบสถานีรถไฟเชียงใหม่ ถนนเจริญเมือง เนื้อที่ 15 ไร่
คุณสมบัติผู้ได้สิทธิ์ซื้อโครงการบ้านเพื่อคนไทย
1. เป็นผู้มีสัญชาติไทย
2. เป็นผู้บรรลุนิติภาวะ ณ วันลงทะเบียน
3. เป็นผู้ที่มีรายได้ ณ วันลงทะเบียน ไม่เกิน 50,000 บาท/เดือน
4. ไม่เคยมีกรรมสิทธิ์ในอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างที่อาจใช้พักอาศัยได้ทุกประเภท
5. ไม่เคยได้สิทธิในโครงการบ้านเพื่อคนไทย
ขั้นตอนการรับสิทธิ์ซื้อโครงการบ้านเพื่อคนไทย
1. ลงทะเบียน ผู้สนใจสามารถลงทะเบียน แสดงเจตจำนงเข้าร่วมโครงการได้ผ่านเว็บไซต์ www.บ้านเพื่อคนไทย.th (เปิดจองวันที่ 17 มกราคม 2568)
2. ตรวจสอบคุณสมบัติ โดยทางธนาคารอาคารสงเคราะห์ จะตรวจสอบคุณสมบัติ จากนั้นจะประกาศผลการตรวจสอบเบื้องต้นของผู้ที่ยื่นเอกสารจองสิทธิ์ และติดต่อกลับไปยังผู้ที่ได้รับสิทธิ์
3. จับสลากเพื่อรับสิทธิ์ในการซื้อโครงการบ้านเพื่อคนไทย โดยผู้ที่รับสิทธิ์จะต้องแจ้งความประสงค์ใช้สิทธิ์ตามวันและเวลาที่ธนาคารกำหนด เพื่อจะทำการตรวจสอบคุณสมบัติตามที่โครงการกำหนด หากไม่ผ่านเกณฑ์จะถือว่าเป็นการสละสิทธิ์
เงื่อนไขการซื้อสิทธิ บ้านเพื่อคนไทย
1. ผู้ซื้อสิทธิ 1 ท่าน มีสิทธิ์จองอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างได้ 1 หน่วย ต่อ 1 โครงการเท่านั้น แต่หากการพิจารณา ให้สิทธิ์ในโครงการใดเสร็จสิ้นไปแล้วและไม่ได้สิทธิ์ สามารถใช้สิทธิ์จองอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างอีกครั้งในจังหวัดเดิมได้
2. ห้ามโอนสิทธิ์ในโครงการบ้านเพื่อคนไทยภายในระยะเวลา 5 ปี นับแต่วันจดทะเบียนสิทธิ์
3. ห้ามนำอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างในโครงการบ้านเพื่อคนไทยไปให้ผู้อื่นใช้ประโยชน์ หรือทำนิติกรรมในลักษณะเป็นการต่างตอบแทน เพื่อให้บุคคลอื่นได้ใช้ประโยชน์ในอาคารหรือสิ่งปลูกสร้าง เว้นแต่เป็นการใช้เพื่อประโยชน์ของสมาชิกในครอบครัวของผู้ซื้อสิทธิ์
4. หากความปรากฏว่าผู้ซื้อสิทธิ์ขาดคุณสมบัติข้อใดข้อหนึ่ง โดยขอสงวนสิทธิ์ในการยกเลิกสิทธิในโครงการบ้านเพื่อคนไทย บอกเลิกสัญญา หรือปรับอัตราผลตอบแทนตามเหตุและปัจจัย
5. หากความปรากฏว่าผู้ซื้อสิทธิ์มีพฤติการณ์ปรากฏให้เห็นหรือเชื่อได้ว่าเป็นผู้มีรายได้เกินกว่า 50,000 บาท/เดือน ทั้งนี้ ขอสงวนสิทธิ์ในการยกเลิกสิทธิในโครงการบ้านเพื่อคนไทย บอกเลิกสัญญา หรือปรับอัตราผลตอบแทนตามเหตุและปัจจัย
6. เงื่อนไขอื่นเป็นไปตามที่ประกาศกำหนด
7. สงวนสิทธิ์ที่จะแก้ไข หรือเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดและเงื่อนไขใด ๆ ดังกล่าวข้างต้น
กำหนดการของโครงการบ้านเพื่อคนไทย
- 17 มกราคม 2568: เปิดให้จองโครงการผ่าน www.บ้านเพื่อคนไทย.th
- กุมภาพันธ์ 2568: เริ่มก่อสร้างโครงการนำร่อง
- มีนาคม 2568: ประกาศผลผู้ที่ได้รับสิทธิ์ในการซื้อที่อยู่อาศัย
- ธันวาคม 2568: เริ่มโอนโครงการนำร่อง 154 หน่วย
- มิถุนายน 2569: เริ่มโอนโครงการนำร่อง 4,256 หน่วย
- ธันวาคม 2569: เริ่มโอนโครงการ 56,000 หน่วย
- ภายในปี 2570: โอนโครงการให้ได้ทั้งหมด รวม 100,000 หน่วย
สินเชื่อบ้าน ธอส. ปี 2568 ดอกเบี้ยต่ำ เริ่มต้น 2.7% ต่อปี
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ จัดทำ 5 สินเชื่อที่อยู่อาศัยอัตราดอกเบี้ยต่ำ (สำหรับลูกค้าที่มีความประสงค์ทำประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อ หรือ MRTA/MLTA) ได้แก่
1. สินเชื่อบ้าน Life Begins with GHB ปี 2568
สำหรับสมาชิกสภา/สมาคมวิชาชีพที่ต้องการกู้เพื่อซื้อ, ปลูกสร้าง, รีไฟแนนซ์, ซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับที่อยู่อาศัย และชำระหนี้เกี่ยวกับที่อยู่อาศัย
อัตราดอกเบี้ย
ปีแรกเพียง 1.79% ต่อปี
ปีที่ 2 เท่ากับ 2.80% ต่อปี
ปีที่ 3 เท่ากับ 3.50% ต่อปี (เฉลี่ยอัตราดอกเบี้ย 3 ปีแรก เพียง 2.70%)
ปีที่ 4 จนถึงตลอดอายุสัญญา สำหรับลูกค้าสวัสดิการ เท่ากับ MRR-1.00% ต่อปี, สำหรับลูกค้ารายย่อย เท่ากับ MRR-0.50% ต่อปี และซื้ออุปกรณ์/ชำระหนี้เกี่ยวกับที่อยู่อาศัย เท่ากับ MRR
กรณีกู้ 1 ล้านบาท ผ่อนชำระเงินงวดเพียงเดือนละ 3,000 บาท
พิเศษ! ฟรีค่าธรรมเนียมค่าประเมินราคาหลักประกัน
2. สินเชื่อบ้าน GHB Precious ปี 2568
สำหรับผู้ที่มีรายได้ตั้งแต่ 70,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป ที่ต้องการกู้เพื่อซื้อ, ปลูกสร้าง, ต่อเติม, ขยาย, ซ่อมแซม, รีไฟแนนซ์, กู้เพิ่ม และชำระหนี้เกี่ยวกับที่อยู่อาศัย
อัตราดอกเบี้ย
ปีที่ 1 เท่ากับ 1.79% ต่อปี
ปีที่ 2 เท่ากับ 2.80% ต่อปี
ปีที่ 3 เท่ากับ 3.50% ต่อปี (เฉลี่ยอัตราดอกเบี้ย 3 ปีแรก เพียง 2.70%)
ปีที่ 4 จนถึงตลอดอายุสัญญา สำหรับลูกค้าสวัสดิการ เท่ากับ MRR-1.00% ต่อปี, สำหรับลูกค้ารายย่อย เท่ากับ MRR-0.50% ต่อปี และซื้ออุปกรณ์/ชำระหนี้เกี่ยวกับที่อยู่อาศัย เท่ากับ MRR
กรณีกู้ 1 ล้านบาท ผ่อนชำระเงินงวดเพียงเดือนละ 3,000 บาท
3. สินเชื่อบ้านอยู่เย็นเป็นสุข ปี 2568
สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อ ปลูกสร้าง และปรับปรุงที่อยู่อาศัยที่ช่วยประหยัดพลังงาน
อัตราดอกเบี้ย
ปีที่ 1 เท่ากับ 2.20% ต่อปี
ปีที่ 2 เท่ากับ 2.80% ต่อปี
ปีที่ 3 เท่ากับ 3.70% ต่อปี (เฉลี่ยอัตราดอกเบี้ย 3 ปีแรก เพียง 2.90%)
ปีที่ 4 จนถึงตลอดอายุสัญญา สำหรับลูกค้าสวัสดิการ เท่ากับ MRR-1.00% ต่อปี, สำหรับลูกค้ารายย่อย เท่ากับ MRR-0.50% ต่อปี และซื้ออุปกรณ์ เท่ากับ MRR
กรณีกู้ 1 ล้านบาท ผ่อนชำระเงินงวดเพียงเดือนละ 3,200 บาท
4. สินเชื่อบ้านสวัสดิการ ปี 2568
สำหรับผู้ที่เป็นลูกค้าสวัสดิการกับหน่วยงานที่ทำข้อตกลงโครงการสวัสดิการเงินกู้ที่อยู่อาศัยประเภทไม่มีเงินฝาก ที่ต้องการซื้อบ้าน ซื้อที่ดินเปล่าที่เป็นทรัพย์ NPA ของธนาคาร, ปลูกสร้าง, รีไฟแนนซ์, ซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับที่อยู่อาศัย และชำระหนี้เกี่ยวกับที่อยู่อาศัย
อัตราดอกเบี้ย
ปีที่ 1 เท่ากับ 2.30% ต่อปี
ปีที่ 2 เท่ากับ 2.90% ต่อปี
ปีที่ 3 เท่ากับ 3.50% ต่อปี (เฉลี่ยอัตราดอกเบี้ย 3 ปีแรก เพียง 2.90%)
ปีที่ 4 -5 เท่ากับ MRR-2% ต่อปี
ปีที่ 6 จนถึงตลอดอายุสัญญา เท่ากับ MRR-1.00% ต่อปี และซื้ออุปกรณ์/ชำระหนี้เกี่ยวกับที่อยู่อาศัย เท่ากับ MRR
กรณีกู้ 1 ล้านบาท ผ่อนชำระเงินงวดเพียงเดือนละ 3,200 บาท
5. สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ปี 2568
สำหรับผู้ที่ต้องการกู้เพื่อซื้อ, ปลูกสร้าง, ต่อเติม หรือซ่อมแซม
อัตราดอกเบี้ย
ปีที่ 1 เท่ากับ 2.50% ต่อปี
ปีที่ 2 เท่ากับ 3.10% ต่อปี
ปีที่ 3 เท่ากับ 4.00% ต่อปี (เฉลี่ยอัตราดอกเบี้ย 3 ปีแรก เพียง 3.20%)
ปีที่ 4 จนถึงตลอดอายุสัญญา เท่ากับ MRR-0.50% ต่อปี
กรณีกู้ 1 ล้านบาท ผ่อนชำระเงินงวดเพียงเดือนละ 3,300 บาท
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถยื่นขอสินเชื่อได้แล้ว ณ สาขาธนาคารทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้-31 มีนาคม 2568 อนุมัติและทำนิติกรรมภายในวันที่ 30 เมษายน 2568
สินเชื่อบ้าน Happy Home ธอส. ดอกเบี้ยคงที่ 3% ต่อปี นาน 5 ปี
โครงการสินเชื่อบ้าน Happy Home วงเงินโครงการ 20,000 ล้านบาท โดยธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) สนับสนุนสินเชื่อให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลางมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง เพื่อซื้อที่ดินพร้อมอาคาร หรือห้องชุด ปลูกสร้างอาคารหรือซื้อที่ดินพร้อมปลูกสร้างอาคาร และเพื่อซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวเนื่องเพื่อประโยชน์ในการอยู่อาศัย
อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3% ต่อปี เป็นระยะเวลา 5 ปี วงเงินต่อรายสูงสุด ไม่เกิน 3,000,000 บาท ระยะเวลากู้สูงสุดไม่เกิน 40 ปี โดยประชาชนที่สนใจเข้าร่วมโครงการสามารถยื่นคำขอกู้กับ ธอส. ได้ตั้งแต่วันนี้-30 ธันวาคม 2568 หรือจนกว่า ธอส. ให้สินเชื่อเต็มตามกรอบวงเงินของโครงการ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ G H Bank Call Center โทร. 02-645-9000 หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และติดตามข่าวสารของธนาคารได้ที่ Application : GHB ALL GEN และ www.ghbank.co.th
การเคหะแห่งชาติจัดโปรบ้านคุ้มค่า ราคาโดนใจ รับปีใหม่ 2568
การเคหะแห่งชาติ จัดโปรโมชันลดราคาที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ จำนวน 102 โครงการ ลด 5-20% และลดราคาพิเศษโครงการบ้านเอื้ออาทร จำนวน 47 โครงการ ราคาขายห้องชุดขนาด 24 ตารางเมตร เริ่มต้น 250,000 บาท และราคาขายห้องชุดขนาด 33 ตารางเมตร เริ่มต้น 390,000 บาท และวางเงินจองเริ่มต้น 1,000 บาทเท่านั้น
สำหรับลูกค้าที่ยื่นขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินแล้วไม่ได้รับอนุมัติ สามารถยื่นขอสินเชื่อในโครงการสินเชื่อเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย พร้อมรับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.5% ใน 4 ปีแรก และปีที่ 5 เป็นต้นไป รับอัตราดอกเบี้ย 2.25%
ส่วนกลุ่มเปราะบาง (คนพิการ, ผู้สูงอายุ, พ่อ-แม่เลี้ยงเดี่ยว) หรือบุตรที่ประสงค์จะซื้อที่อยู่อาศัยในโครงการที่พ่อแม่อาศัยอยู่เดิม หรือผู้ที่มีภาระต้องดูแลผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้ทุพพลภาพ) ในช่วง 5 ปีแรกรับดอกเบี้ย 1.5% และปีที่ 6 เป็นต้นไป รับอัตราดอกเบี้ย 2.25% เช่นกัน
โดยให้ระยะเวลาผ่อนนานถึง 40 ปี แต่เมื่อรวมกับอายุผู้เช่าซื้อจะต้องไม่เกิน 75 ปี โดยลูกค้าจะต้องมีรายได้ไม่เกิน 43,000 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน
หรือหากไม่ได้รับอนุมัติสินเชื่อโครงการสินเชื่อเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย ลูกค้ายังสามารถยื่นขอทำสัญญาเช่าซื้อโดยตรงกับการเคหะแห่งชาติได้อีก
โดยปีที่ 1-3 จะได้รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 4.25% ปีที่ 4-5 อัตราดอกเบี้ย 5.25% ปีที่ 6-10 อัตราดอกเบี้ย 6.50% และปีที่ 11 เป็นต้นไป อัตราดอกเบี้ย 6.75%
ส่วนกลุ่มเปราะบาง ปีที่ 1-5 จะได้รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 4.25% ปีที่ 6-10 อัตราดอกเบี้ย 6.50% และปีที่ 11 เป็นต้นไป อัตราดอกเบี้ย 6.75% ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุดไม่เกิน 30 ปี
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center โทร. 1615
ลดหย่อนภาษีฯ สำหรับผู้ปลูกสร้างบ้านเอง
มาตรการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้ที่ต้องการปลูกสร้างบ้าน กำหนดให้บุคคลธรรมดา (ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล) หักลดหย่อนค่าจ้างก่อสร้างบ้านให้แก่ผู้รับจ้าง ซึ่งเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการจ่ายค่าจ้างตามสัญญาจ้างตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน 2567-31 ธันวาคม 2568
โดยให้หักลดหย่อนภาษีได้ 10,000 บาทต่อทุกจำนวนค่าก่อสร้าง 1 ล้านบาท ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่รวมกันแล้วไม่เกิน 100,000 บาท เฉพาะค่าจ้างก่อสร้างบ้านไม่เกิน 1 หลัง ในปีภาษีที่ก่อสร้างบ้านเสร็จ ตามสัญญาจ้างที่ได้กระทำขึ้นและเริ่มดำเนินการก่อสร้างตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน 2567-31 ธันวาคม 2568 และได้เสียอากรแสตมป์โดยวิธีการชำระอากรเป็นตัวเงินผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
บ้านล้านหลัง เฟส 3 วงเงินให้กู้ 1.5 ล้าน ดอกเบี้ย 3% คงที่ 5 ปี
โครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 3 มีวงเงินโครงการ 20,000 ล้านบาท โดยธนาคารอาคารสงเคราะห์ จะสนับสนุนสินเชื่อให้แก่ประชาชนทั่วไปที่มีความต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง โดยมีรายละเอียดดังนี้
– ให้กู้บ้าน ราคาซื้อ-ขาย/ค่าก่อสร้างและวงเงินกู้สูงสุดต่อรายต่อหลักประกันไม่เกิน 1,500,000 บาทต่อรายต่อหลักประกัน ทั้งประเภทบ้าน หรือคอนโดมิเนียม ทั้งที่เป็นที่อยู่อาศัยใหม่ของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ หรือบ้านมือสอง หรือเพื่อปลูกสร้าง และซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกในการอยู่อาศัยพร้อมซื้อบ้านหรือคอนโด
– มีระยะเวลากู้ยืมสูงสุดไม่เกิน 40 ปี
– ยกเว้นค่าประเมินราคาหลักประกัน (1,900-2,300 บาท) และค่าจดทะเบียนนิติกรรมจำนอง (1% ของวงเงินจำนอง)
– ดอกเบี้ยคงที่ 3% ต่อปี ในช่วง 5 ปีแรก (เงินงวดคงที่นานถึง 60 งวดแรก) วงเงินกู้ 1 ล้านบาท ผ่อนเริ่มต้นเดือนละ 4,100 บาท วงเงินกู้ 1.5 ล้านบาท ผ่อนเริ่มต้นเดือนละ 6,200 บาท
อัตราดอกเบี้ย
ปี | อัตราดอกเบี้ย |
ปีที่ 1-5 | 3.00% |
ปีที่ 6-7 | = MRR-2% ต่อปี |
ปีที่ 8-ตลอดอายุสัญญา (กรณีลูกค้ารายย่อยทั่วไป) | = MRR-0.75% ต่อปี |
ปีที่ 8-ตลอดอายุสัญญา (กรณีลูกค้าสวัสดิการ) | = MRR-1% ต่อปี |
ปีที่ 8-ตลอดอายุสัญญา (กรณีกู้เพื่อซื้ออุปกรณ์ฯ) | = MRR (ปัจจุบันอยู่ที่ 6.40% ต่อปี) |
ผ่อนปรนเงื่อนไขสมัครโครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 3
นอกจากนี้ ธอส. ยังได้ผ่อนปรนเงื่อนไขสำหรับลูกค้าที่เข้าร่วมโครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 3 เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าได้รับวงเงินสินเชื่อที่เหมาะสม รวมถึงกลุ่มลูกค้าที่ประกอบอาชีพประจำหรืออาชีพอิสระ สามารถนำหลักฐานการชำระค่าเช่าบ้าน หรือผ่อนชำระเงินดาวน์บ้านไม่น้อยกว่า 12 เดือนมาแสดงให้กับธนาคารเพื่อประกอบการพิจารณาสินเชื่อเพิ่มเติมได้
หากไม่สามารถแสดงหลักฐานที่มาของรายได้ สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ Financial Literacy และออมอย่างสม่ำเสมอไม่น้อยกว่าเงินงวดผ่อนชำระเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 9 เดือน เพื่อใช้เป็นหลักฐานการพิจารณาสินเชื่อกับธนาคารได้ต่อไป
วิธีสมัครโครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 3
ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 3 ได้มีเวลาในการจัดเตรียมเอกสารประกอบการยื่นขอสินเชื่อ ธนาคารจึงเตรียมเปิดให้รับรหัสเข้าร่วมโครงการได้พร้อมกันทั่วประเทศตั้งแต่วันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 9.00 น. เป็นต้นไป ผ่าน Mobile Application: GHB ALL GEN
โดยจะได้รับรหัส 10 หลัก (ตัวอักษร 3 หลัก และตัวเลข 7 หลัก) ทาง GHB Buddy ใน Line Application เพื่อนำมาประกอบการยื่นขอสินเชื่อตั้งแต่วันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไป และทำนิติกรรมได้ภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2568 หรือก่อนกำหนดระยะเวลาดังกล่าวหาก ธอส. ให้สินเชื่อเต็มตามกรอบวงเงินของโครงการแล้ว
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ ที่ G H Bank Call Center โทร. 0-2645-9000 หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และติดตามข้อมูลข่าวสารของธนาคารได้ที่ Mobile Application: GHB ALL GEN และเว็บไซต์ธนาคารอาคารสงเคราะห์
ประกาศขายบ้านเดี่ยว
ค้นหาโครงการบ้านเดี่ยวราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลากหลายทำเล
มาตรการ LTV ให้กู้เพิ่มได้ 10%
ทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ปรับมาตรการควบคุมสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย หรือ Loan-to-Value: LTV เพื่อช่วยให้ประชาชนกู้บ้านเพื่ออยู่อาศัยจริงได้ง่ายขึ้น โดยมีเกณฑ์ดังนี้
1. ส่งเสริมให้ประชาชนเป็นเจ้าของบ้านหลังแรกได้ง่ายขึ้นและช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการเข้าอยู่อาศัย โดยในการกู้ซื้อบ้านหลังแรกที่ราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาท แม้ว่ายังคงเพดาน LTV 100% สำหรับสินเชื่อบ้าน
แต่ผู้กู้สามารถกู้เพิ่มได้อีก 10% ของมูลค่าหลักประกัน สำหรับค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการเข้าอยู่อาศัยจริง เช่น การตกแต่งบ้าน การซ่อมแซมหรือต่อเติม ซึ่งหนี้ส่วนนี้เมื่อกลายเป็นหนี้ที่มีบ้านเป็นหลักประกันจะมีดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าการกู้แบบไม่มีหลักประกัน
ยกตัวอย่างง่าย ๆ ดังนี้
- กรณีซื้อที่อยู่อาศัยแนวสูงที่มีราคาซื้อขาย 1 ล้านบาท เดิมผู้กู้จะมีโอกาสได้รับวงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 900,000 บาท แต่เกณฑ์ใหม่จะทำให้ได้รับวงเงินสินเชื่อสูงสุดได้ถึง 1,100,000 บาท
- กรณีซื้อที่อยู่อาศัยแนวราบที่มีราคาซื้อขาย 1 ล้านบาท เดิมผู้กู้จะมีโอกาสได้รับวงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 950,000 บาท แต่เกณฑ์ใหม่จะทำให้ได้รับวงเงินสินเชื่อสูงสุด 1,100,000 บาท
นอกจากนี้ กำหนดให้วางเงินดาวน์น้อยลงจาก 20% เป็น 10% สำหรับการกู้ซื้อบ้านหลังแรกที่มีราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป
2. ผู้ที่จำเป็นต้องมีบ้าน 2 หลังที่มีวินัยในการผ่อนชำระหนี้สัญญาที่ 1 มาแล้วพอสมควร ให้เข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น ขณะที่ยังคงส่งเสริมให้มีการออมก่อนกู้ โดยผ่อนเกณฑ์ให้การกู้ซื้อบ้านสัญญาที่ 2 ที่ราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาท ต้องมีเงินดาวน์ 10% หากผ่อนชำระสัญญาที่ 1 มาแล้วอย่างน้อย 2 ปี (จากเดิมกำหนด 3 ปี)
อย่างไรก็ตาม ทาง ธปท. ยังไม่ยกเลิกเพดาน LTV สำหรับการกู้ซื้อบ้านสัญญาที่ 2 เพราะจากข้อมูลพบว่ามากกว่าครึ่งของผู้กู้ซื้ออาคารชุด 2 หลังพร้อมกันมีระยะห่างระหว่างการกู้สัญญาที่ 1 และสัญญาที่ 2 ไม่ถึง 1 ปี สะท้อนว่าเป็นการกู้เพื่อเก็งกำไรมากกว่าเพื่ออยู่อาศัยจริง
ปรับเกณฑ์มาตรการ LTV เอื้อคนซื้อบ้านกรณีกู้ร่วม
จากการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาตรการควบคุมสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย หรือ LTV เพื่อป้องกันการเกิดหนี้เสีย แต่เกิดผลกระทบต่อผู้ซื้อบ้าน โดยเฉพาะผู้ที่กู้ร่วม
ด้วยเหตุนี้อีกหนึ่งมาตรการรัฐ ซื้อบ้าน 2568 นั่นคือ ทาง ธปท. ได้พิจารณาผ่อนปรนการนับสัญญากรณีกู้ร่วม โดยถ้าผู้กู้ไม่มีชื่อเป็นกรรมสิทธิ์ จะผ่อนปรนเสมือนยังไม่เป็นผู้กู้ในครั้งนั้น เนื่องจากไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่ออยู่อาศัย เพียงแค่ช่วยเหลือกันภายในครอบครัว โดยมีรายละเอียดดังนี้