แม่ป๋อง เผยชีวิตล่าสุด ดีเจแมน เคลียร์ชัดยังเป็นครอบครัวกับ ใบเตย หรือไม่
ออกมาเปิดใจครั้งแรกแล้าว สำหรับ แม่ป๋อง พิมพ์แข กุญชร ณ อยุธยา ที่มาเปิดใจในรายการคุยแซ่บshow ทางช่อง One 31 หลังศาลสั่งยกฟ้องลูกชาย ดีเจแมน โดยเล่าช่วงเวลาสุดแสนทรมานที่ต้องไปเยี่ยมลูกชายกว่า 1 ปี 7 เดือน เผยนาทีที่ลูกชายได้รับอิสรภาพ พร้อมเคลียร์ชัดยังอยู่เป็นครอบครัวกับ ใบเตย หรือไม่
หลังวันคริสมาสต์วันเดียวคือ 26 ธันวา เป็นวันที่เราได้ยินข่าวดี คือเรื่องอะไร?
แม่ป๋อง : วันนี้ศาลยกฟ้องคดี Forex-3D ของพี่แมนกับน้องเตย
ผ่านมาหนึ่งปี 7 เดือน 17 วัน แม่จำเวลาแม่นมาก?
แม่ป๋อง : แม่นั่งนับวันนับเดือน (ทุกข์ทรมานขนาดไหน?) เหตุเกิดแรกๆ มันทุกข์ทรมานนะ แต่เราต้องเข้มแข็งทำใจเพื่อที่จะต่อสู้ให้ลูก เพื่อให้ลูกเห็นว่าเราเข้มแข็ง เค้าจะได้เข้มแข็งด้วย ถ้าแม่หมดเรี่ยวหมดแรงไปใครจะช่วยลูกแม่
ขอย้อนไปวันที่ไปฟังคำพิพากษาจากศาล ความหวังมีกี่เปอร์เซ็นต์?
แม่ป๋อง : ความหวังมันก็มี แม่ขอนอกเรื่องนิดนึง ขอขอบคุณทีมทนาย ให้กำลังใจแม่ดีมาก ว่าหลักฐานเราแน่น แล้วบอกให้เรารู้ว่าเราไม่ได้ไปคดโกงใคร ตอนนั้นก็ 50/50 ถ้าเราไปเต็ม 100 เราทรุดไปจะเป็นยังไง คือเราเข้าไปฟังมาตลอด ทุกครั้งที่สืบที่ศาล ศาลท่านยุติธรรมท่านสืบตามหลักฐานต่างๆ ช่วงเวลาอยู่ในศาลหลายเดือน ตอนนั้นแม่ก็คิดว่าไม่ประกันแล้ว เพราะประกันตัวไม่ได้สักที ก็รอฟังคำตัดสิน สืบทั้งหมดเกือบ 4 เดือน แต่ก่อนหน้านั้นลูกเราก็อยู่ในนั้นนาน
แอบกดดันหรือกังวลใจอะไรบ้างไหม?
แม่ป๋อง : มันต้องมี เพราะเราไม่รู้กฎหมาย คุณพ่อเขาเรียนกฎหมาย คุณแม่ก็ฟังเท่าที่ฟังตามที่ศาลนั้นพูดหลักฐานมี
วันที่ 26 บรรยากาศในศาลเป็นยังไง?
แม่ป๋อง : คนเยอะมาก คนแน่น มีทั้งหมด 7 คน ญาติพี่น้องของเราแล้วก็ญาติพี่น้องของอีก 6 คนให้กำลังใจกันเต็มศาลไปหมดจนต้องย้ายห้อง
วินาทีที่ศาลบอกว่ายกฟ้องรู้สึกยังไงบ้าง?
แม่ป๋อง : รู้จักคำว่ายกภูเขาออกจากอกไหม นั่นแหละความรู้สึกของแม่ครั้งแรกที่มันเกิดขึ้น คือมันหนักมานานมากๆ แล้ว พอประกาศยกฟ้องลูกมันโล่ง โล่งแบบว่าลูกฉันบริสุทธิ์แล้ว ที่ฉันเฝ้ารอความยุติธรรมจากศาลมันได้จริงๆ แรกๆ ไม่เห็นทางสว่างเลย ต้องไปไหว้พระไปมูฯ ตลอดไปหลายที่
วันที่ 26 แม่เตรียมของอะไรไปบ้าง?
แม่ป๋อง : มีลูกสาวคนนึงเตรียมเต้าหู้ให้ เอาไว้ล้างซวย เตรียมน้ำมนต์ของวัดพระแก้วเตรียมไว้นานมากๆ แล้ว คือเรามีความหวังว่าต้องมีวันนี้ ตามที่คุยกับทนายมาตลอด
วันนั้นที่ไปตั้งแต่ 9 โมงเช้า ยกฟ้องเกือบเที่ยง เจอหน้าลูกจริงๆ กี่โมง?
แม่ป๋อง : ตอนนั้นเกือบสองทุ่มกว่า แม่ก็ไปเตรียมทุกอย่างเสื้อผ้าน้ำมนต์ อาหารที่เค้าอยากกิน วินาทีแรกที่เจอกันเราก็เต้าหู้ให้เขากินก่อน แล้วก็เอาน้ำมนต์ให้ล้างหน้าแล้วแม่ก็ราดหัวเขา และก็มีโถใหญ่เอาไว้ที่บ้านกลับไปถึงให้อาบเลย แล้วเขาก็ก้มกราบเท้าแม่กับพ่อ แม่ก็บอกหมดทุกข์หมดโศกแล้วนะลูก เขาก็ลุกขึ้นมากอดแม่บอกว่าผมขอบคุณแม่ทุกอย่างที่ 1 ปี 7 เดือนที่แม่ทำให้ผม ที่ทำให้รู้ว่าความรักของแม่ยิ่งใหญ่ขนาดไหน เขาเป็นคนกราบแม่อยู่ประจำ วันเกิดแม่ วันเกิดเขา ปีใหม่ สงกรานต์ วันนั้นคือน้ำตาไหลออกมาเอง ไม่เหมือนกับเล่นละครเลย ไม่รู้จะพูดยังไงแล้วคำพูดของเขา ผมรักแม่ที่สุด แม่ก็บอกว่าหมดทุกข์หมดโศกแล้วนะลูก ขอให้ชีวิตต่อไปมีแต่สิ่งดีๆ เข้ามาครอบครัวลูกมีความสุขนะ แต่เราว่าแฟนคลับเขาอยู่ และฟีดแบ๊กกลับมาเป็นบวกมาก
อีกหนึ่งอย่างที่ทุกคนอยากเห็นคือภาพน้องเวทมนต์เจอคุณพ่อ?
แม่ป๋อง : วันนั้นน้องไม่สบายติดเชื้อไวรัส แล้วก็น้ำเหลืองโต
ก่อนที่น้องจะไปโรงพยาบาลน้องพูดไหมว่าอยากเจอคุณพ่อ?
แม่ป๋อง : เขาจุดธูปจุดเทียนค่ะแล้วก็ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองให้ครอบครัวเรามีแต่ความสุขความเจริญนะอะไรอย่างเงี้ย แล้วน้องก็จะรู้ถ้าเกิดว่ามีธูปเทียนเขาก็เลยขอ ขอปะป๊าหนูกลับมาหาหนูนะคะ เขาพูดวันนี้พรุ่งนี้เข้าโรงพยาบาลแล้วก็อีกวันนึงพ่อเขากลับมา
เขาพูดว่าอยากให้คุณพ่อเป็นซานตาคลอสกลับมาหาเขา?
แม่ป๋อง : คือแบบนี้คุณย่าถามสมมุติว่าถ้าคริสต์มาสเนี่ย หนูได้ของขวัญหนูอยากได้อะไร เขาก็บอกว่า หนูอยากให้ปะป๊าใส่ชุดซานตาคลอสมาหาหนู
พอเราได้ยินแบบนี้เราทำยังไงเราตอบคำถามยังไงหรือความรู้สึกยังไงบ้าง?
แม่ป๋อง : ก็บอกว่าเดี๋ยวปะป๊าก็กลับมานะลูก เพราะเขาถามบ่อยมากว่าปะป๊าไปไหน เราก็บอกว่าไปทำงานต่างประเทศเขาก็บอกว่าทำไมไปนานจัง ไม่กลับมาสักที เขาก็ถามแม่เขาอยู่เรื่อย ถามแม่เตยว่าปะป๊าไปไหนทำไมนานจัง แม่เขาก็บอกว่าเดี๋ยวปะป๊าก็กลับมาแล้วนะลูก ปะป๊าไปทำงาน
ทุกๆ ครั้งที่มีคำถามคุณแม่ก็จะบอกว่าไปทำงานต่างประเทศ?
แม่ป๋อง : ใช่ค่ะ เขาคงคิดว่ามันนาน เขาก็ผูกพันกับพ่อเขามาก
เตรียมชุดซานตาคลอสยังไง?
แม่ป๋อง : ตอนนั้นก็บอกน้องของใบเตย พอน้องรู้เรื่องว่าศาลยกฟ้องก็โทรหาทันทีเลย ก็ไปจัดการเรื่องเสื้อผ้าใหม่หมดเลย ก่อนออกจากที่เรือนจำมา ตอนเขาเปิดประตูมาแม่ก็อยู่ตรงนั้น มีทั้งความสุขและความซาบซึ้ง พ่อลูกได้กอดกันแม่ก็ได้อยู่ตรงนั้น เออมันเป็นโมเมนต์ที่หลานเราอยากอยากได้อ่ะ มีทุกความรู้สึกอยู่ตรงนั้น
รู้สึกไหมว่ามันหมดทุกข์หมดโศกตั้งแต่ตอนนั้น?
แม่ป๋อง : รู้สึกค่ะ ใช่ค่ะทุกอย่างมันกลับมาเป็นครอบครัว ทุกอย่างมันกลับมาแล้ว 1 ปี 7 เดือน 7 วันไปเยี่ยมลูกชายทุกวัน ตื่น 7 โมงขับไปหาลูก พอไปถึงก็ต้องรอคิว ระยะเวลาที่ได้คุยกันจริงๆ 20 นาที โทรศัพท์ผ่านลูกกรง
ตื่นตั้งแต่เช้ากว่าจะเข้าเจอพี่แมน?
แม่ป๋อง : ถ้าไปถึง 8 โมง ก็ได้คิวประมาณ 11 โมงกว่า
ได้คุยกับพี่แมนผ่านกระจกคุณแม่รู้สึกยังไงบ้าง?
แม่ป๋อง : มันเจ็บ แต่แม่ต้องพยายามเข้มแข็ง เองก็เหมือนกันเขาเข้มแข็ง เขาไม่ให้เราเห็นน้ำตาอะไรเลย เราก็บอกให้เขาสู้ๆ นะ เรารู้ว่าไม่ได้กลับมา เราตะโกนบอกเขาให้สู้ๆ นะ เราไม่ได้ตั้งตัวไม่รู้เรื่องเลย
ระหว่าง 1 ปี 7 เดือน ที่เข้าไปเยี่ยม 20 นาที พี่แมนได้เห็นน้ำตาแม่บ้างไหม?
แม่ป๋อง : นิดหน่อยมีเห็นบ้าง ก็คือวันแรกที่ลูกเดินออกมา มีลูกกรงกั้น คุยผ่านโทรศัพท์ เราเห็นน้ำตาก็ไหลแล้ว คุยไปเรื่อย คุยเรื่องพระเรื่องเจ้า เขาก็จะคิดถึงลูกมาก แต่ถ้าถ่ายละคร พ่อก็จะไปแทน เขาจะนั่งแกร๊ยไปเพราะพ่อสะโพกเสีย ไม่มีวันไหนที่ไม่ไปกันเลยนอกจากห้ามเยี่ยม
เราเอาของไปฝากได้ไหม?
แม่ป๋อง : ไม่ได้เลย ข้างในจะมีให้เราฝากเงิน จะเป็นเหมือนการ์ด ได้เดือนละ 10,000 แม่ก็จะใส่อาทิตย์ละ 2,000-3,000 แต่พี่แมนใช้เงินเก่ง เพราะเขาจะดูแลน้องๆ
คืออยู่ในนั้นมีเรื่องห่วงหลายอย่าง แต่หนึ่งสิ่งที่คุณแม่จะห่วงพี่แมนมากๆ คือเรื่องอะไร?
แม่ป๋อง : ห่วงเรื่องโรคประจำตัว เพราะพี่แมนเขามีโรคแพนิก แต่ว่ายาแพนิกเนี่ยเอาไปฝากได้ แต่ว่ามีขั้นตอน ขั้นตอนต้องมีใบแพทย์ มีสลากยาหมอพยาบาลคอยตรวจ
เห็นว่าแม่มูมาหลายที่มาก ไหว้มากี่ที่?
แม่ป๋อง : ไหว้ทั้งหมดเนี่ยมีทั้งเทพทั้งพระ วัดพระแก้ว องค์พระพิฆเนศที่ศิลปากร แล้วก็ไปหาอาจารย์ของแม่ที่สุโขทัย พระอาจารย์ครูบาญาณทิพย์ แล้วก็วัดท่าไม้ แล้วก็มีอาจารย์ที่วัดไผ่เงิน เราบนที่วัดพระแก้วอันเดียว ก็มีอาจารย์บอกมาไข่ต้ม 99 ฟอง ข้าวเหนียวแจ่วบอง ปลาเค็มแห้ง ขนมหวาน พระอาจารย์ที่สุโขทัยบอกมาว่าอย่าบนเยอะเดี๋ยวงง แล้วองค์พระพิฆเนศแม่บอกว่าจะเอาโขนไปถวายชุดนึง เป็นเพลงครูของหนุมาน
ตอนนี้ดีเจแมนออกมาแล้วเขาใช้ชีวิตเหมือนปกติไหม?
แม่ป๋อง : วันแรกยังปรับตัวไม่ได้ ก็กินอยู่ การนอนสถานที่ เรื่องอาหารแม่รู้ว่าเขาชอบกินคากิก็ซื้อให้เขาเลย เขาก็กินไม่ลงยังปรับตัวไม่ได้ แรกๆ เขาก็นอนไม่หลับเพราะนอนเปิดไฟตลอด เสื่อผืนหมอนใบ ฟันผุซี่นึงนอกนั้นโอเคหมด ตอนนี้เป็นปกติแล้ว
มีบ่นอยากทานอะไรไหม?
แม่ป๋อง : ก็ไม่ได้บ่นนะ แม่รู้ว่าเขาชอบทานอะไรแม่ก็ซื้อให้เขา ณ ตอนนี้เขาก็ขลุกอยู่กับลูกสาวทั้งวันเลย พรุ่งนี้โรงเรียนเปิด เขาตื่นเต้นมากได้ขับรถไปส่งลูกแล้ว บอกว่าตื่นเต้นมากกว่าลูกอีก ที่เขาไปโผล่ไลฟ์ใบเตย เตยก็สอนว่าตอนนี้โลกมันเปลี่ยนไปยังไง เตยแม่ต้องชมอย่างหนึ่งว่าเขามั่นคงมากนะเขาไม่เคยวอกแวกนะ ต้องยอมรับในลูกสะใภ้คนนี้นะคะ น่ารักค่ะ คือกลับมาครั้งนี้เขาก็ขอโซเชียลแมน เพราะเขาไม่ได้ใช้โซเชียลมานาน
ตอนนั้นมีข่าวว่าหย่ากัน หลายคนเลยคิดว่าออกมาเขาจะโอเคไหม?
แม่ป๋อง : เรื่องหย่าตอนนั้น แม่ไม่ก้าวล่วงมันคนละเรื่องกัน แต่ว่าเขารักกัน แมนก็รักเตย เตยก็รักแมน
ดีเจแมนเค้าแพลนชีวิตยังไงบ้าง?
แม่ป๋อง : เขาบอกแม่ว่าอยากเขียนพ็อกเก็ตบุ๊ก อยากทำละคร เขามีผู้จัดที่เขารักมากที่สุดในชีวิตที่ดูแลเขาคือพี่นก ฉัตรชัย เขาจะคุยกัน แล้วเขาจะมาทางสายพระ คือหลังบวชเสร็จเขาก็จะมาทำวัตถุมงคล สายมู เขาชอบทางนี้อยู่แล้วเขาชอบมาก
ตอนนี้เขาไลฟ์อยู่ด้วยกันสามคนพ่อแม่ลูกใช่ไหม?
แม่ป๋อง : ใช่ค่ะ อยู่บ้านเดียวกัน แฟนๆ ไม่ต้องห่วงนะลูกนะ
อยากบอกอะไรพี่แมนบ้าง?
แม่ป๋อง : แม่ขอให้ลูกเข้มแข็ง แม่รักลูกที่สุดในโลก แม่มีลูกสองคนก็ความเป็นแม่ ความเป็นแม่ยังไงก็อยู่ ก็ให้เขาสู้ๆ นะลูกนะ เริ่มต้นชีวิตใหม่พบเจอแต่สิ่งที่ดีๆ แล้วก็เป็นมงคลกับชีวิตลูก
ออกมาเปิดใจครั้งแรกแล้าว สำหรับ แม่ป๋อง พิมพ์แข กุญชร ณ อยุธยา ที่มาเปิดใจในรายการคุยแซ่บshow ทางช่อง One 31 หลังศาลสั่งยกฟ้องลูกชาย ดีเจแมน โดยเล่าช่วงเวลาสุดแสนทรมานที่ต้องไปเยี่ยมลูกชายกว่า 1 ปี 7 เดือน เผยนาทีที่ลูกชายได้รับอิสรภาพ พร้อมเคลียร์ชัดยังอยู่เป็นครอบครัวกับ ใบเตย หรือไม่
หลังวันคริสมาสต์วันเดียวคือ 26 ธันวา เป็นวันที่เราได้ยินข่าวดี คือเรื่องอะไร?
แม่ป๋อง : วันนี้ศาลยกฟ้องคดี Forex-3D ของพี่แมนกับน้องเตย
ผ่านมาหนึ่งปี 7 เดือน 17 วัน แม่จำเวลาแม่นมาก?
แม่ป๋อง : แม่นั่งนับวันนับเดือน (ทุกข์ทรมานขนาดไหน?) เหตุเกิดแรกๆ มันทุกข์ทรมานนะ แต่เราต้องเข้มแข็งทำใจเพื่อที่จะต่อสู้ให้ลูก เพื่อให้ลูกเห็นว่าเราเข้มแข็ง เค้าจะได้เข้มแข็งด้วย ถ้าแม่หมดเรี่ยวหมดแรงไปใครจะช่วยลูกแม่
ขอย้อนไปวันที่ไปฟังคำพิพากษาจากศาล ความหวังมีกี่เปอร์เซ็นต์?
แม่ป๋อง : ความหวังมันก็มี แม่ขอนอกเรื่องนิดนึง ขอขอบคุณทีมทนาย ให้กำลังใจแม่ดีมาก ว่าหลักฐานเราแน่น แล้วบอกให้เรารู้ว่าเราไม่ได้ไปคดโกงใคร ตอนนั้นก็ 50/50 ถ้าเราไปเต็ม 100 เราทรุดไปจะเป็นยังไง คือเราเข้าไปฟังมาตลอด ทุกครั้งที่สืบที่ศาล ศาลท่านยุติธรรมท่านสืบตามหลักฐานต่างๆ ช่วงเวลาอยู่ในศาลหลายเดือน ตอนนั้นแม่ก็คิดว่าไม่ประกันแล้ว เพราะประกันตัวไม่ได้สักที ก็รอฟังคำตัดสิน สืบทั้งหมดเกือบ 4 เดือน แต่ก่อนหน้านั้นลูกเราก็อยู่ในนั้นนาน
แอบกดดันหรือกังวลใจอะไรบ้างไหม?
แม่ป๋อง : มันต้องมี เพราะเราไม่รู้กฎหมาย คุณพ่อเขาเรียนกฎหมาย คุณแม่ก็ฟังเท่าที่ฟังตามที่ศาลนั้นพูดหลักฐานมี
วันที่ 26 บรรยากาศในศาลเป็นยังไง?
แม่ป๋อง : คนเยอะมาก คนแน่น มีทั้งหมด 7 คน ญาติพี่น้องของเราแล้วก็ญาติพี่น้องของอีก 6 คนให้กำลังใจกันเต็มศาลไปหมดจนต้องย้ายห้อง
วินาทีที่ศาลบอกว่ายกฟ้องรู้สึกยังไงบ้าง?
แม่ป๋อง : รู้จักคำว่ายกภูเขาออกจากอกไหม นั่นแหละความรู้สึกของแม่ครั้งแรกที่มันเกิดขึ้น คือมันหนักมานานมากๆ แล้ว พอประกาศยกฟ้องลูกมันโล่ง โล่งแบบว่าลูกฉันบริสุทธิ์แล้ว ที่ฉันเฝ้ารอความยุติธรรมจากศาลมันได้จริงๆ แรกๆ ไม่เห็นทางสว่างเลย ต้องไปไหว้พระไปมูฯ ตลอดไปหลายที่
วันที่ 26 แม่เตรียมของอะไรไปบ้าง?
แม่ป๋อง : มีลูกสาวคนนึงเตรียมเต้าหู้ให้ เอาไว้ล้างซวย เตรียมน้ำมนต์ของวัดพระแก้วเตรียมไว้นานมากๆ แล้ว คือเรามีความหวังว่าต้องมีวันนี้ ตามที่คุยกับทนายมาตลอด
วันนั้นที่ไปตั้งแต่ 9 โมงเช้า ยกฟ้องเกือบเที่ยง เจอหน้าลูกจริงๆ กี่โมง?
แม่ป๋อง : ตอนนั้นเกือบสองทุ่มกว่า แม่ก็ไปเตรียมทุกอย่างเสื้อผ้าน้ำมนต์ อาหารที่เค้าอยากกิน วินาทีแรกที่เจอกันเราก็เต้าหู้ให้เขากินก่อน แล้วก็เอาน้ำมนต์ให้ล้างหน้าแล้วแม่ก็ราดหัวเขา และก็มีโถใหญ่เอาไว้ที่บ้านกลับไปถึงให้อาบเลย แล้วเขาก็ก้มกราบเท้าแม่กับพ่อ แม่ก็บอกหมดทุกข์หมดโศกแล้วนะลูก เขาก็ลุกขึ้นมากอดแม่บอกว่าผมขอบคุณแม่ทุกอย่างที่ 1 ปี 7 เดือนที่แม่ทำให้ผม ที่ทำให้รู้ว่าความรักของแม่ยิ่งใหญ่ขนาดไหน เขาเป็นคนกราบแม่อยู่ประจำ วันเกิดแม่ วันเกิดเขา ปีใหม่ สงกรานต์ วันนั้นคือน้ำตาไหลออกมาเอง ไม่เหมือนกับเล่นละครเลย ไม่รู้จะพูดยังไงแล้วคำพูดของเขา ผมรักแม่ที่สุด แม่ก็บอกว่าหมดทุกข์หมดโศกแล้วนะลูก ขอให้ชีวิตต่อไปมีแต่สิ่งดีๆ เข้ามาครอบครัวลูกมีความสุขนะ แต่เราว่าแฟนคลับเขาอยู่ และฟีดแบ๊กกลับมาเป็นบวกมาก
อีกหนึ่งอย่างที่ทุกคนอยากเห็นคือภาพน้องเวทมนต์เจอคุณพ่อ?
แม่ป๋อง : วันนั้นน้องไม่สบายติดเชื้อไวรัส แล้วก็น้ำเหลืองโต
ก่อนที่น้องจะไปโรงพยาบาลน้องพูดไหมว่าอยากเจอคุณพ่อ?
แม่ป๋อง : เขาจุดธูปจุดเทียนค่ะแล้วก็ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองให้ครอบครัวเรามีแต่ความสุขความเจริญนะอะไรอย่างเงี้ย แล้วน้องก็จะรู้ถ้าเกิดว่ามีธูปเทียนเขาก็เลยขอ ขอปะป๊าหนูกลับมาหาหนูนะคะ เขาพูดวันนี้พรุ่งนี้เข้าโรงพยาบาลแล้วก็อีกวันนึงพ่อเขากลับมา
เขาพูดว่าอยากให้คุณพ่อเป็นซานตาคลอสกลับมาหาเขา?
แม่ป๋อง : คือแบบนี้คุณย่าถามสมมุติว่าถ้าคริสต์มาสเนี่ย หนูได้ของขวัญหนูอยากได้อะไร เขาก็บอกว่า หนูอยากให้ปะป๊าใส่ชุดซานตาคลอสมาหาหนู
พอเราได้ยินแบบนี้เราทำยังไงเราตอบคำถามยังไงหรือความรู้สึกยังไงบ้าง?
แม่ป๋อง : ก็บอกว่าเดี๋ยวปะป๊าก็กลับมานะลูก เพราะเขาถามบ่อยมากว่าปะป๊าไปไหน เราก็บอกว่าไปทำงานต่างประเทศเขาก็บอกว่าทำไมไปนานจัง ไม่กลับมาสักที เขาก็ถามแม่เขาอยู่เรื่อย ถามแม่เตยว่าปะป๊าไปไหนทำไมนานจัง แม่เขาก็บอกว่าเดี๋ยวปะป๊าก็กลับมาแล้วนะลูก ปะป๊าไปทำงาน
ทุกๆ ครั้งที่มีคำถามคุณแม่ก็จะบอกว่าไปทำงานต่างประเทศ?
แม่ป๋อง : ใช่ค่ะ เขาคงคิดว่ามันนาน เขาก็ผูกพันกับพ่อเขามาก
เตรียมชุดซานตาคลอสยังไง?
แม่ป๋อง : ตอนนั้นก็บอกน้องของใบเตย พอน้องรู้เรื่องว่าศาลยกฟ้องก็โทรหาทันทีเลย ก็ไปจัดการเรื่องเสื้อผ้าใหม่หมดเลย ก่อนออกจากที่เรือนจำมา ตอนเขาเปิดประตูมาแม่ก็อยู่ตรงนั้น มีทั้งความสุขและความซาบซึ้ง พ่อลูกได้กอดกันแม่ก็ได้อยู่ตรงนั้น เออมันเป็นโมเมนต์ที่หลานเราอยากอยากได้อ่ะ มีทุกความรู้สึกอยู่ตรงนั้น
รู้สึกไหมว่ามันหมดทุกข์หมดโศกตั้งแต่ตอนนั้น?
แม่ป๋อง : รู้สึกค่ะ ใช่ค่ะทุกอย่างมันกลับมาเป็นครอบครัว ทุกอย่างมันกลับมาแล้ว 1 ปี 7 เดือน 7 วันไปเยี่ยมลูกชายทุกวัน ตื่น 7 โมงขับไปหาลูก พอไปถึงก็ต้องรอคิว ระยะเวลาที่ได้คุยกันจริงๆ 20 นาที โทรศัพท์ผ่านลูกกรง
ตื่นตั้งแต่เช้ากว่าจะเข้าเจอพี่แมน?
แม่ป๋อง : ถ้าไปถึง 8 โมง ก็ได้คิวประมาณ 11 โมงกว่า
ได้คุยกับพี่แมนผ่านกระจกคุณแม่รู้สึกยังไงบ้าง?
แม่ป๋อง : มันเจ็บ แต่แม่ต้องพยายามเข้มแข็ง เองก็เหมือนกันเขาเข้มแข็ง เขาไม่ให้เราเห็นน้ำตาอะไรเลย เราก็บอกให้เขาสู้ๆ นะ เรารู้ว่าไม่ได้กลับมา เราตะโกนบอกเขาให้สู้ๆ นะ เราไม่ได้ตั้งตัวไม่รู้เรื่องเลย
ระหว่าง 1 ปี 7 เดือน ที่เข้าไปเยี่ยม 20 นาที พี่แมนได้เห็นน้ำตาแม่บ้างไหม?
แม่ป๋อง : นิดหน่อยมีเห็นบ้าง ก็คือวันแรกที่ลูกเดินออกมา มีลูกกรงกั้น คุยผ่านโทรศัพท์ เราเห็นน้ำตาก็ไหลแล้ว คุยไปเรื่อย คุยเรื่องพระเรื่องเจ้า เขาก็จะคิดถึงลูกมาก แต่ถ้าถ่ายละคร พ่อก็จะไปแทน เขาจะนั่งแกร๊ยไปเพราะพ่อสะโพกเสีย ไม่มีวันไหนที่ไม่ไปกันเลยนอกจากห้ามเยี่ยม
เราเอาของไปฝากได้ไหม?
แม่ป๋อง : ไม่ได้เลย ข้างในจะมีให้เราฝากเงิน จะเป็นเหมือนการ์ด ได้เดือนละ 10,000 แม่ก็จะใส่อาทิตย์ละ 2,000-3,000 แต่พี่แมนใช้เงินเก่ง เพราะเขาจะดูแลน้องๆ
คืออยู่ในนั้นมีเรื่องห่วงหลายอย่าง แต่หนึ่งสิ่งที่คุณแม่จะห่วงพี่แมนมากๆ คือเรื่องอะไร?
แม่ป๋อง : ห่วงเรื่องโรคประจำตัว เพราะพี่แมนเขามีโรคแพนิก แต่ว่ายาแพนิกเนี่ยเอาไปฝากได้ แต่ว่ามีขั้นตอน ขั้นตอนต้องมีใบแพทย์ มีสลากยาหมอพยาบาลคอยตรวจ
เห็นว่าแม่มูมาหลายที่มาก ไหว้มากี่ที่?
แม่ป๋อง : ไหว้ทั้งหมดเนี่ยมีทั้งเทพทั้งพระ วัดพระแก้ว องค์พระพิฆเนศที่ศิลปากร แล้วก็ไปหาอาจารย์ของแม่ที่สุโขทัย พระอาจารย์ครูบาญาณทิพย์ แล้วก็วัดท่าไม้ แล้วก็มีอาจารย์ที่วัดไผ่เงิน เราบนที่วัดพระแก้วอันเดียว ก็มีอาจารย์บอกมาไข่ต้ม 99 ฟอง ข้าวเหนียวแจ่วบอง ปลาเค็มแห้ง ขนมหวาน พระอาจารย์ที่สุโขทัยบอกมาว่าอย่าบนเยอะเดี๋ยวงง แล้วองค์พระพิฆเนศแม่บอกว่าจะเอาโขนไปถวายชุดนึง เป็นเพลงครูของหนุมาน
ตอนนี้ดีเจแมนออกมาแล้วเขาใช้ชีวิตเหมือนปกติไหม?
แม่ป๋อง : วันแรกยังปรับตัวไม่ได้ ก็กินอยู่ การนอนสถานที่ เรื่องอาหารแม่รู้ว่าเขาชอบกินคากิก็ซื้อให้เขาเลย เขาก็กินไม่ลงยังปรับตัวไม่ได้ แรกๆ เขาก็นอนไม่หลับเพราะนอนเปิดไฟตลอด เสื่อผืนหมอนใบ ฟันผุซี่นึงนอกนั้นโอเคหมด ตอนนี้เป็นปกติแล้ว
มีบ่นอยากทานอะไรไหม?
แม่ป๋อง : ก็ไม่ได้บ่นนะ แม่รู้ว่าเขาชอบทานอะไรแม่ก็ซื้อให้เขา ณ ตอนนี้เขาก็ขลุกอยู่กับลูกสาวทั้งวันเลย พรุ่งนี้โรงเรียนเปิด เขาตื่นเต้นมากได้ขับรถไปส่งลูกแล้ว บอกว่าตื่นเต้นมากกว่าลูกอีก ที่เขาไปโผล่ไลฟ์ใบเตย เตยก็สอนว่าตอนนี้โลกมันเปลี่ยนไปยังไง เตยแม่ต้องชมอย่างหนึ่งว่าเขามั่นคงมากนะเขาไม่เคยวอกแวกนะ ต้องยอมรับในลูกสะใภ้คนนี้นะคะ น่ารักค่ะ คือกลับมาครั้งนี้เขาก็ขอโซเชียลแมน เพราะเขาไม่ได้ใช้โซเชียลมานาน
ตอนนั้นมีข่าวว่าหย่ากัน หลายคนเลยคิดว่าออกมาเขาจะโอเคไหม?
แม่ป๋อง : เรื่องหย่าตอนนั้น แม่ไม่ก้าวล่วงมันคนละเรื่องกัน แต่ว่าเขารักกัน แมนก็รักเตย เตยก็รักแมน
ดีเจแมนเค้าแพลนชีวิตยังไงบ้าง?
แม่ป๋อง : เขาบอกแม่ว่าอยากเขียนพ็อกเก็ตบุ๊ก อยากทำละคร เขามีผู้จัดที่เขารักมากที่สุดในชีวิตที่ดูแลเขาคือพี่นก ฉัตรชัย เขาจะคุยกัน แล้วเขาจะมาทางสายพระ คือหลังบวชเสร็จเขาก็จะมาทำวัตถุมงคล สายมู เขาชอบทางนี้อยู่แล้วเขาชอบมาก
ตอนนี้เขาไลฟ์อยู่ด้วยกันสามคนพ่อแม่ลูกใช่ไหม?
แม่ป๋อง : ใช่ค่ะ อยู่บ้านเดียวกัน แฟนๆ ไม่ต้องห่วงนะลูกนะ
อยากบอกอะไรพี่แมนบ้าง?
แม่ป๋อง : แม่ขอให้ลูกเข้มแข็ง แม่รักลูกที่สุดในโลก แม่มีลูกสองคนก็ความเป็นแม่ ความเป็นแม่ยังไงก็อยู่ ก็ให้เขาสู้ๆ นะลูกนะ เริ่มต้นชีวิตใหม่พบเจอแต่สิ่งที่ดีๆ แล้วก็เป็นมงคลกับชีวิตลูก
Categories: NEWS
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เป็นธุรกิจที่ปราบเซียนอยู่ไม่น้อย เพราะหากมีแต่ทุน หรือ ที่ดิน แต่ไร้ “โนว์ฮาว” ก็พาให้ล้มเหลวกันมานักต่อนักแล้ว ยิ่งสถานการณ์ของตลาดอสังหาฯ ในปัจจุบัน ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ต่างๆ มากมาย ใครยังยืนอยู่ได้ ถือว่าแข็งแกร่งและเป็นตัวจริง ดังนั้นในวันนี้ Spotlight จะพาทุกท่านไปพบกับ 5 บริษัทอสังหาฯ ยักษ์ใหญ่ ของเมืองไทยในเวลานี้
5 ยักษ์ใหญ่ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย ที่ยืนหยัดเหนือกาลเวลา
สำหรับ 5 บริษัทอสังหาฯ ยักษ์ใหญ่ระดับตำนานของเมืองไทย ที่มีประวัติความเป็นมาไม่ธรรมดา และเคยผ่านร้อนผ่านหนาวมาตั้งแต่ยุคต้มยำกุ้ง ปี 2540 จนถึงสถานการณ์ COVID-19แต่ทั้ง 5บริษัทนี้ก็สามารถผ่านมาได้ และยังคงรักษาธุรกิจให้เติบโตได้จนถึงปัจจุบัน อีกทั้ง ได้บ่มเพาะอาณาจักรอสังหาฯ ของตัวเองด้วยพอร์ตหมื่นล้าน สร้างบริษัทในเครือมากมาย ขณะเดียวกันก็ส่งให้ CEO บางบริษัทติด Top มหาเศรษฐีอันดับต้นๆ ของประเทศไทย และในวันนี้ ทาง Spotlight จะพาท่านผู้อ่านไปรู้จักกับ 5 ยักษ์ใหญ่ ด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่สามารถทำกำไรได้เยอะที่สุดในช่วงเวลา 6 เดือนแรก ของปี 2566
อันดับ 1 แสนสิริ ผู้ที่ทำกำไรสูงสุดใน ตลาดอสังหาฯ ไทย
แสนสิริ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2527 อายุรวม 39 ปี โดย กลุ่มจูตระกูล ปัจจุบันมีแบรนด์โครงการบ้านและคอนโดมิเนียมที่เป็นที่รู้จักมากมาย เช่น นาราสิริ,บูก้าน,เศรษฐสิริ,บุราสิริ,ฮาบิเทีย,สราญสิริ,คณาสิริ,KHUN,ชูช์,เวีย,เอ็กซ์ที,เอดจ์,เฮาส์,เดอะ ไลน์,เดอะ เบส,โฟล บายแสนสิริ
ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 แสนสิริ สามารถทำกำไรสุทธิได้ 3,202 ล้านบาท ทำให้อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นมากกว่าปีก่อนถึง 17.80 % มี มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดอยู่ที่ 25,211 ล้านบาท และมี สินทรัพย์รวม 139,816 ล้านบาท
ผลประกอบการย้อนหลังของ แสนสิริ
- ปี 2563 รายได้ 34,891 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,673 ล้านบาท
- ปี 2564 รายได้ 29,747 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,017 ล้านบาท
- ปี 2565 รายได้ 34,973 ล้านบาท กำไรสุทธิ 4,279 ล้านบาท
- ปี 2566 รายได้ 17,477 ล้านบาท กำไรสุทธิ 3,202 ล้านบาท (งบ 6 เดือน2566)
ใครจะคิดว่าบริษัทอสังหาริมทรัพย์อันดับหนึ่งของไทยในปัจจุบันอย่าง แสนสิริ เริ่มต้นจากบริษัทเล็ก ๆ ชื่อแสนสำราญ จำกัด เมื่อปี 2531 กับโครงการบ้านไข่มุก คอนโดมิเนียมริมหาดระดับตำนานของหัวหิน ที่ราคาต่อยูนิตเพียง 7 ล้านบาทเท่านั้น แต่กลับเป็นที่ต้องการของเศรษฐีในยุคนั้น
จากโครงการบ้านไข่มุกคือโครงการแฟล็กชิพแห่งแรกของแสนสิริที่เปิดตัวในปี 2531 ปัจจุบันแสนสิริมีมูลค่าโครงการรวมเพิ่มขึ้นกว่า 1,000% โดยราคาขายต่อยูนิตพุ่งสูงขึ้นจาก 7 ล้านบาท เป็น 80 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของแสนสิริที่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำอสังหาริมทรัพย์ไทยได้ในเวลา 39 ปี
อันดับ 2 เอพี ไทยแลนด์ ผู้นำตลาดอสังหาฯ สวนกระแส
ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 เอพี สามารถทำกำไรสุทธิได้ 3,022 ล้านบาท ทำให้อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นมากกว่าปีก่อนถึง 16.05% มี มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดอยู่ที่ 33,975 ล้านบาท และมี สินทรัพย์รวม 79,176 ล้านบาท
ผลประกอบการของ เอพี ไทยแลนด์
- ปี 2563 รายได้ 29,958 ล้านบาท กำไรสุทธิ 4,226 ล้านบาท
- ปี 2564 รายได้ 31,980 ล้านบาท กำไรสุทธิ 4,543 ล้านบาท
- ปี 2565 รายได้ 38,702 ล้านบาท กำไรสุทธิ 5,877 ล้านบาท
- ปี 2566 รายได้ 18,831 ล้านบาท กำไรสุทธิ 3,022 ล้านบาท (งบ 6 เดือน2566)
เอพี ไทยแลนด์ ผู้นำตลาดอสังหาริมทรัพย์อีกเจ้าในไทย เวลานี้สวนกระแสตลาดที่ชะลอตัวในปี 2566 ด้วยแผนธุรกิจที่ดุดัน เปิดตัวโครงการใหม่มากที่สุดในอุตสาหกรรม จำนวน 58 โครงการ มูลค่ารวม 77,000 ล้านบาท ทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด
เอพี ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2534 อายุรวม 32 ปี โดย คุณ อนุพงษ์ อัศวโภคิน ปัจจุบันมีแบรนด์โครงการบ้านและคอนโดมิเนียมที่เป็นที่รู้จักมากมาย เช่น บ้านกลางเมือง, บ้านกลางกรุง, GRANDE PLENO, THE CITY, CENTRO, ASPIRE, HYTHM และ LIFE ความสำเร็จของเอพี สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของผู้บริหารที่เชื่อมั่นในศักยภาพของธุรกิจและไม่ยอมแพ้ต่อความท้าทาย โดยนายอนุพงษ์ อัศวโภคิน เคยกล่าวไว้ว่า “ถ้าไม่แน่ ก็คงไม่กล้า”
สำหรับในครึ่งปีหลังบริษัทฯ เตรียมเปิดตัวอีก 40 โครงการใหม่ มูลค่ารวมประมาณ 55,940 ล้านบาท โดยเป็นทาวน์โฮม 19 โครงการ มูลค่า 19,550 ล้านบาท บ้านเดี่ยว 14 โครงการ มูลค่า 24,750 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 3 โครงการ มูลค่า 8,300 ล้านบาท และต่างจังหวัด 4 โครงการ มูลค่า 3,340 ล้านบาท
อันดับ 3 แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ผู้ครองตลาด บ้านหรู ในไทย
ในวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย ไม่มีใครไม่รู้จัก “แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์” ผู้นำตลาดบ้านหรูระดับบนมาอย่างยาวนานกว่า 50 ปี ด้วยภาพลักษณ์ที่โดดเด่นและความเชื่อมั่นในคุณภาพ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จึงสามารถครองใจผู้บริโภคมาได้อย่างเหนียวแน่น แม้จะมีคู่แข่งหน้าใหม่เข้ามาท้าทายอยู่เสมอ
ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ สามารถทำกำไรสุทธิได้ 2,803 ล้านบาท ทำให้อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นมากกว่าปีก่อนถึง 7.95 % มี มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดอยู่ที่ 90,220 ล้านบาท และมี สินทรัพย์รวม 128,422 ล้านบาท
ผลประกอบการของ ศุภาลัย เรียลเอสเตท
- ปี 2563 รายได้ 30,965 ล้านบาท กำไรสุทธิ 7,144 ล้านบาท
- ปี 2564 รายได้ 33,031 ล้านบาท กำไรสุทธิ 6,936 ล้านบาท
- ปี 2565 รายได้ 36,482 ล้านบาท กำไรสุทธิ 8,312 ล้านบาท
- ปี 2566 รายได้ 14,036 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,803 ล้านบาท (งบ 6 เดือน2566)
แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ก่อตั้งเมื่อ ปี 2516 อายุรวม 50 ปี โดย คุณ อนันต์ อัศวโภคิน เป็นที่รู้จักกันดีในนามของ “บ้านหรู สวยทุกหลัง ได้ของ เหมือนที่ตาเห็น” จากการนำเสนอโครงการบ้านหรูที่มีคุณภาพสูง ตั้งอยู่ในทำเลที่ดีที่สุด และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าระดับบนอย่างแท้จริง
สำหรับโครงการที่ประสบความสำเร็จของแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ได้แก่ โครงการบ้านนันทวัน โครงการบ้านมัณฑนา และโครงการบ้านลดาวัลย์ ความสำเร็จของ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ สะท้อนให้เห็นถึงปัจจัยสำคัญหลายประการที่ทำให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ประสบความสำเร็จ ได้แก่ คุณภาพของโครงการ ที่ตั้งโครงการ และภาพลักษณ์ของแบรนด์ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ให้ความสำคัญมาโดยตลอด
อันดับ 4 ศุภาลัย อสังหาฯที่สร้างด้วย ปรัชญา บ้านที่ดี ตรงตามความต้องการของลูกค้า
ศุภาลัย หนึ่งในกลุ่มผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทยซึ่งก่อตั้งในปี 2532 อายุรวม 34 ปี โดย คุณ ประทีป ตั้งมติธรรม เริ่มประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในลักษณะเพื่อ เป็นที่อยู่อาศัยและเพื่อการพาณิชย์อย่างเป็นทางการโดยมีทุนจดทะเบียน 100,000,000 บาท
ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 ศุภาลัย สามารถทำกำไรสุทธิได้ 2,781 ล้านบาท ทำให้อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นมากกว่าปีก่อนถึง 19.69 % มี มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดอยู่ที่ 35,936 ล้านบาท และมี สินทรัพย์รวม 84,683 ล้านบาท
ผลประกอบการของ ศุภาลัย เรียลเอสเตท
- ปี 2563 รายได้ 20,969 ล้านบาท กำไรสุทธิ 4,251ล้านบาท
- ปี 2564 รายได้ 29,647 ล้านบาท กำไรสุทธิ 7,070 ล้านบาท
- ปี 2565 รายได้ 35,500 ล้านบาท กำไรสุทธิ 8,173 ล้านบาท
- ปี 2566 รายได้ 14,345 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,781 ล้านบาท (งบ 6 เดือน2566)
ศุภาลัย ในระยะแรกได้ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการสร้างบ้านเดี่ยว และทาวน์เฮ้าส์ ในลักษณะโครงการบ้านจัดสรร ต่อมาจึงขยายธุรกิจสู่โครงการอาคาร ชุด อาคารสำนักงาน และรีสอร์ทโรงแรม โดยมีวัตถุประสงค์ในการประกอบธุรกิจ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของบริษัทฯ
ปัจจุบันมีแบรนด์ ศุภาลัย มีโครงการบ้านและคอนโดมิเนียมที่เป็นที่รู้จักมากมาย เช่น ศุภาลัย ปาล์มวิลล์, ศุภาลัย วิลล์, ศุภาลัย เอเลแกนซ์, ศุภาลัย ไพร์ด, ศุภาลัย พรีโม่, ศุภาลัย ลอฟท์, ศุภาลัย ซิตี้โฮม,ศุภาลัย โอเรียนทัล เป็นต้น
อันดับ 5 พฤกษา อสังหาฯ ราคาประหยัด เติมเต็มฝันคนไทยที่อยากมีบ้าน
บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง (พฤกษา เรียลเอสเตท) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2531 อายุรวม 30 ปี ด้วยทุนจดทะเบียนเพียง 50 ล้านบาท ภายใต้การบริหารของ คุณ ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ผู้ได้รับการขนานนามว่าเป็น “เจ้าพ่ออสังหาฯ เศรษฐีหุ้น”
ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 พฤกษา สามารถทำกำไรสุทธิได้ 1,690 ล้านบาท ทำให้อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นมากกว่าปีก่อนถึง 0.77 % มี มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด อยู่ที่ 27,356 ล้านบาท และมี สินทรัพย์รวม 71,650 ล้านบาท
ผลประกอบการของ พฤกษา เรียลเอสเตท
- ปี 2563 รายได้ 29,512 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,770 ล้านบาท
- ปี 2564 รายได้ 28,430 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,352 ล้านบาท
- ปี 2565 รายได้ 28,640 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,772 ล้านบาท
- ปี 2566 รายได้ 13,665 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,690 ล้านบาท (งบ 6 เดือน2566)
พฤกษาเริ่มต้นจากการเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวราบราคาประหยัด มุ่งหวังช่วยให้คนไทยทุกคนมีบ้านเป็นของตนเอง โดยโครงการแรกอย่าง “บ้านพฤกษา 1” ย่านรังสิต คลอง 8 ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ปิดการขายภายในระยะเวลาเพียง 1 เดือนเศษ ส่งผลให้พฤกษากลายเป็นหนึ่งในบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย
ปัจจุบันมีแบรนด์ พฤกษา มีโครงการบ้านและคอนโดมิเนียมที่เป็นที่รู้จักมากมาย เช่น บ้านพฤกษา , the connect , Passorn , the reserve ,the palm นอกจากการดำเนินธุรกิจแล้ว พฤกษายังให้ความสำคัญกับการทำกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง ทั้งช่วยเหลือผู้ที่ขาดโอกาส รวมทั้งช่วย ปลูกป่าเพื่อสิ่งแวดล้อม พลิกฟื้นผืนป่า 1 แสนต้นในโครงการ “ร่วมปลูกป่าเพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศน์” สร้างสรรค์สังคม “อยู่ดี มีสุข” เป็นต้น
มูลค่าธุรกิจอสังหาฯคิดเป็น 10 % ของ GDP ประเทศไทย
จาก ศูนย์วิจัยกรุงศรี ประเมินว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยหากรวมธุรกิจที่เกี่ยวข้องในห่วงโซ่อุปทานแล้ว จะมีมูลค่าตลาดคิดเป็นสัดส่วนกว่า 10% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ปี 2565 สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกลไกต่างๆ ดังนี้
- สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก่อให้เกิดการใช้จ่ายในหลายภาคส่วน ทั้งค่าที่ดิน ค่าก่อสร้าง ค่าวัสดุอุปกรณ์ ค่าเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ค่าจ้างแรงงาน เป็นต้น
- สร้างงานและรายได้ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นภาคธุรกิจที่จ้างงานจำนวนมาก ทั้งในส่วนของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ผู้รับเหมาก่อสร้าง ช่างฝีมือ และพนักงานในภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้อง
- เชื่อมโยงกับภาคธุรกิจอื่น ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เชื่อมโยงกับภาคธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในห่วงโซ่อุปทาน เช่น ธุรกิจก่อสร้าง ธุรกิจวัสดุก่อสร้าง ธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์และการตกแต่ง และธุรกิจสถาบันการเงิน
สถานการณ์ COVID-19 ทำให้เกิดวิกฤตอสังหาฯ ไทยซบเซา
จาก การแพร่ระบาดของ COVID-19 ในปี 2563-2564 ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อตลาดที่อยู่อาศัยไทย โดยเฉพาะใน 6 จังหวัดหลัก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ ภูเก็ต ชลบุรี นครราชสีมา และขอนแก่น กิจกรรมทางเศรษฐกิจสะดุดลงโดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว ซึ่งส่งผลต่อรายได้และการจ้างงาน ทำให้ผู้ซื้อทั้งในและต่างประเทศชะลอการตัดสินใจซื้อ เลื่อน/ยกเลิกการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยจากความไม่มั่นใจสถานการณ์ในอนาคตและไม่สามารถเดินทางมาทำธุรกรรมได้
ผู้ประกอบการชะลอการเปิดโครงการใหม่และมีการปรับลดราคาบ้านเพื่อจูงใจผู้ซื้อ ส่งผลให้ตลาดบ้านแนวราบยังคงเติบโตได้ต่อเนื่องจากกลุ่มผู้ซื้อรายได้กลางบน-สูงซึ่งได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อย
แต่ในปี 2565 ตลาดที่อยู่อาศัยกระเตื้องขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่ได้แรงหนุนจากการฉีดวัคซีนครอบคลุมทั่วประเทศ ราคาสินค้าเกษตรที่ทรงตัวระดับสูงต่อเนื่อง ท่ามกลางเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป
อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลังๆ พฤกษาได้ปรับทิศทางการพัฒนาบ้านมาสู่ระดับกลางและระดับบนมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อมากขึ้น รวมถึงการขยายตลาดไปสู่กลุ่มคอนโดมิเนียมไฮเอนด์อย่าง เดอะ รีเซิร์ฟ
ตลาดที่อยู่อาศัยไทยเริ่มฟื้นตัว
การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยหลังการแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลให้กำลังซื้อในประเทศกระเตื้องขึ้น แต่ยังไม่เพียงพอที่จะกระตุ้นตลาดที่อยู่อาศัยให้เติบโตได้อย่างเต็มศักยภาพ อย่างไรก็ตาม การเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบช่วยดึงดูดกำลังซื้อจากชาวต่างชาติทั้งกลุ่มนักลงทุนและกลุ่มที่เข้ามาทำงานในไทย
การออกมาตรการกระตุ้นตลาดที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่องจากภาครัฐ เช่น การลดค่าจดทะเบียนโอนและจดจำนอง การเลื่อนใช้บัญชีราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ดิน การคงอัตราการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และการผ่อนคลายมาตรการ LTV เป็นการชั่วคราว ปัจจัยเหล่านี้ช่วยกระตุ้นอุปสงค์ที่อยู่อาศัยทั้งจากกลุ่มผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองและผู้ซื้อเพื่อการลงทุน
ด้านผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวโดยเข้ามาพัฒนาโครงการในจังหวัดภูมิภาคมากขึ้น ในแหล่งงานสำคัญ เช่น พื้นที่ EEC เพื่อตอบรับกระแสการทำงานแบบ “Hybrid workplace” ที่มีแนวโน้มเป็นที่นิยมมากขึ้นในยุคหลัง COVID
ที่มา ศูนย์วิจัยกรุงศรี ,ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย,แสนสิริ ,เอพี ไทยแลนด์ ,แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ,พฤกษา ,ศุภาลัย